Category Archives: สาธิตประสานมิตร

สรุปเนื้อหา 5 วิชา ที่ใช้สอบเข้าม.1

สรุปเนื้อหา สอบเข้าม.1

สรุปเนื้อหา สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิต
“ครบ 5 วิชาที่ใช้สอบ”

น้องๆบางคนเตรียมตัวไม่ทัน หรือมีเวลาเตรียมน้อย สรุปเนื้อหา สอบเข้าม.1 ก็เป็นสิ่งที่น้องๆจะพลาดไม่ได้ หรือจะช่วยได้เยอะมากๆ น้องๆที่จะเตรียมตัวสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตในปีนี้หรือในปีข้างหน้า น้องส่วนใหญ่จะเรียนเนื้อหาในช่วงประถมปลาย มานานถึง 3 ปี  (ชั้นป. 4 – ป.6) ความรู้ที่ใช้ในการสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตนี้จะเป็นการรวบรวมความรู้ในชั้นประถมปลายรวมถึงเนื้อหาหัวข้อในระดับชั้นมัธยมต้นรวมอยู่ด้วยน้องๆจึงต้อง มีพื้นฐานที่แม่นและครบทุกเรื่อง ในแต่ละวิชาที่ใช้สอบ เพื่อที่จะได้ต่อยอดเรียนรู้เนื้อหาที่เกินหลักสูตรช่วงชั้นมัธยมต้น เพื่อทำคะแนนสอบ เข้าม.1 โรงเรียนสาธิตได้ให้ติด 1 ใน 100 คน

 
และมีน้องๆหลายคนรวมถึงผู้ปกครอง สอบถามกันเข้ามาเยอะมากว่ามีเนื้อหาและหัวข้ออะไรที่ใช้ ในการสอบเข้าม. 1 โรงเรียนสาธิตบ้างรวมถึงหัวข้อที่เกินหลักสูตร   วันนี้แอดมินรวบรวม สรุปเนื้อหา สอบเข้าม.1 ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่จะมาช่วยน้องๆในระยะเวลาอันสั้นนี้ได้อย่างมาก
 


 Live ย้อนหลังที่คุณครูทั้ง 5 ท่านของสถาบัน  มาแชร์ความรู้กับน้องๆ ตลอดช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ในหน้าเพจ Facebook ของสถาบัน  แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 week
Week ที่ 1 “สรุปหัวข้อที่ใช้ในการสอบเข้าม. 1” 

Week ที่ 2 “เจาะลึกเนื้อหาที่ใช้สอบ part 01”
Week ที่ 3 “เจาะลึกเนื้อหาที่ใช้สอบ Part 02”
Week ที่ 4 “ตะลุยโจทย์ตัวอย่างข้อสอบเข้าม.1”
กับคุณครูโอชิน,ครูแอม,ครูเอก,ครูเฟรม,และครูโอริโอ้


MON “คณิตศาสตร์ ครูโอชิน”

https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/568733720734317/
TUE “สังคมศึกษา ครูเฟลม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/271492070667825/
WED “วิทยาศาสตร์ ครูแอม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/934564380374722/
THU “ภาษาไทย ครูเอก”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/691420291403496/
FRI ” ภาษาอังกฤษ ครูโอ”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/691420291403496/
————————————
น้องๆสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเรียนของ week ที่ 1 ได้ที่รูปด้านบน

 


MON “คณิตศาสตร์ ครูโอชิน” VDO โดนบล็อค ไม่สามารถดูได้
TUE “สังคมศึกษา ครูเฟลม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/310355753308280/
WED “วิทยาศาสตร์ ครูแอม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/537479480263423/
THU “ภาษาไทย ครูเอก”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/1879134045556604/
FRI ” ภาษาอังกฤษ ครูโอ”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/585291975723960/
————————————
น้องๆสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเรียนของ week ที่ 2 ได้ที่รูปด้านบน


MON “คณิตศาสตร์ ครูโอชิน”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/3302839333116555/
TUE “สังคมศึกษา ครูเฟลม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/748327169040299/
WED “วิทยาศาสตร์ ครูแอม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/258651692060431/
THU “ภาษาไทย ครูเอก”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/2341937972777238/
FRI ” ภาษาอังกฤษ ครูโอ”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/278480833354113/
————————————
น้องๆสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเรียนของ week ที่ 3 ได้ที่รูปด้านบน

MON “คณิตศาสตร์ ครูโอชิน”
https://www.facebook.com/…/a.54071372…/3071523636264887/
TUE “สังคมศึกษา ครูเฟลม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/1997019580433055
WED “วิทยาศาสตร์ ครูแอม”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/657891551474770
THU “ภาษาไทย ครูเอก”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/686332312214680
FRI ” ภาษาอังกฤษ ครูโอ”
https://www.facebook.com/Bigbraintalk/videos/4270594212951547
————————————
น้องๆสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการเรียนของ week ที่ 4 ได้ที่รูปด้านบน

 

เรียนคอร์สตัวเต็ม สรุปเนื้อหาขั้นเทพ ครบ 5 วิชา 

✔️ ซื้อเล่มนี้เล่มเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อเล่มอื่นๆ
✔️ อ่านเล่มนี้เล่มเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปอ่านหนังสือหลายๆเล่ม
✔️ สรุปประเด็นที่ออกข้อสอบบ่อยๆ เน้น เนื้อหา แน่นๆ
เนื้อหาตรงเป๊ะ กับข้อสอบสอบเข้าม. 1 มากที่สุด
✔️ เป็นคอร์สที่ขายดีที่สุดของสถาบัน เรียนแล้วมากกว่า 500 คน
✔️ วิชาละ 7 ชั่วโมง รวม 5 วิชา ทั้งหมด 35 ชั่วโมง
 
หากดูวันละ 5 ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 7 วันเท่านั้น
และหลังจากนั้นกลับมาดูซ้ำทบทวนได้ตลอด
 
ดูรายละเอียดคอร์สสรุปเนื้อหาขั้นเทพ ได้ที่นี่ 

เรียนคอร์สตัวเต็ม ตะลุยโจทย์ยอดฮิต

 
✔️ คอร์สพลิกชีวิตที่เปลี่ยนจากสอบตกเป็นสอบติด
✔️ ตะลุยคลังข้อสอบเก่า 10 ปีย้อนหลัง รวม 5 วิชา กว่า 1,800 ข้อ
✔️ สกัด ย่อย เฉพาะเรื่องที่ออกบ่อยๆ แนวข้อสอบฮิตๆ
เอามารวมไว้ในคอร์สนี้แล้ว
✔️ คอร์สที่ทุกคนให้คะแนน 10 เต็ม 10 ไม่มีหัก น้องๆบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าข้อสอบ “ตรงเป๊ะมาก”
✔️ วิชาละ 12 ชั่วโมงเต็ม เป็นโจทย์ล้วนๆ พร้อมเฉลยละเอียด บอกเทคนิควิธีคิด สูตรลัด
การตัดช้อย เช็คช้อย รู้ทริคเทคนิคลับเพียบ
✔️ หยิบมาใช้เพียงไม่กี่ทริค ก็พลิกคะแนนได้อย่างมหาศาล
 
รายละเอียดคอร์สตะลุยโจทย์ยอดฮิตได้ ที่นี่ 

ข้อสอบเก่า เข้า SPIP

ข้อสอบเข้า SPIP

ก่อนที่จะมาดู ข้อสอบเข้า SPIP สาธิตประสานมิตร สามารถอ่านรายละเอียด รูปแบบการเรียนการสอน   จำนวนคนสมัคร รวมถึงเกณฑ์การสอบคัดเลือกการสอบสัมภาษณ์ การรับสมัคร และ ค่าเทอม ได้ที่นี่

 SPIP  ย่อมาจาก Satit Prasarnmit International Programme) 

น้องๆและผู้ปกครองหลายคน สอบถามเข้ามาว่า ข้อสอบเข้า SPIP ทั้ง 3 วิชาและ English มีการสอบ กี่ข้อและแนวข้อสอบเป็นยังไง สำหรับ Year 7 (ชั้นป. 6)  Year 8 (สอบเข้าม.1) วันนี้จะนำตัวอย่าง มาให้ดูทั้ง 3 วิชาวิชาละ 3 ข้อ โดยข้อสอบที่เอามานั้นจะเป็นการรวมระหว่าง year 7 และ year 8 เข้าด้วยกัน เนื่องจากข้อสอบ ไม่ได้มีหัวข้อที่ใช้สอบ ที่แตกต่างกัน
จะต่างกันตรงที่ความลึกและความยากในเรื่องนั้นมากกว่า สมมติ year จะออกเรื่อง + – x ÷ เศษส่วน  แต่ year 8 จะเป็นโจทย์ระคน ที่มี การบวกลบคูณหารเศษส่วนอยู่ในข้อเดียวกัน และมีบางเรื่องบางหัวข้อที่ year 7 ไม่ได้ออกสอบด้วยเช่นกัน เช่น การเปลี่ยนทางเรขาคณิต

 

ตัวอย่าง ข้อสอบเข้า SPIP SCIENCE by ครูแอม

ข้อสอบ-SPIP-sci
ข้อสอบ-SPIP-sci
ข้อ 1 The table show some processes.
Some processes are reversible and other are irriversible.
1. baking soda 
2. melting chocolate 
3. cooking soup
4. evaporating puddale of water 
 
ข้อ  2. The diagram shows some organs of the body. 
2.1 Name the organs.
2.2 Each organ in the body has a job to do.
write the letter of the organ next to its job in the table.
 
มาดูเฉลยจากครูแอม ไปพร้อมๆกัน

SPIP science


น้องจะสังเกตเห็นว่า ข้อสอบ 1 ข้อ จะมี ข้อย่อยๆด้วย

เพราะฉะนั้น ข้อสอบจึงมีประมาณ 15-20 ข้อเท่านั้น

ตัวอย่างข้อสอบเข้า SPIP MATH by ครูปุณ

ข้อสอบ-SPIP-math
ข้อสอบ-SPIP-math
ข้อ 1  Fruit drink is made by mixing juice and water in the ratio 2 : 9 

1.1 How many liter of water are mixes with 6 litter of juice?
1.2  How many liter of juice are needed to make  44 litters of the drink?
 
ข้อ 2  Look at the diagram
ABD is a right-angled triangle.
ACD is an isosceles triangle with AC=CD
Angle ACD = 110  work out angle ABD.
 
มาดูเฉลยจากครูปุณ ไปพร้อมๆกัน

 

SPIP MATH
 

น้องจะสังเกตเห็นว่า ข้อสอบ 1 ข้อ จะมี ข้อย่อยๆด้วย
เพราะฉะนั้น ข้อสอบจึงมีประมาณ 20-25 ข้อเท่านั้น

ตัวอย่าง ข้อสอบเข้า SPIP ENGLISH by ครูโอรีโอ้

ข้อสอบ-SPIP-eng-
ข้อสอบ-SPIP-eng
จากประกาศด้านบนข้อความใดถูกต้อง
A :   these classes are unsuitable if you have just started playing the violin.
 
B:   if you need to , you can contact the teacher at any time during weekdays.
 
C:   if you are interested in individual lessons ,you should ring this number.
 
มาดูเฉลยจากครูโอรีโอ้  ไปพร้อมๆกัน

 

SPIP ENG

64 ประเด็นวิทย์ สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิต

วิทย์สอบเข้าม.1

วันนี้ครูแอมจะมาแชร์ความรู้ ” 64 ประเด็นวิทย์ สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิต “

คอร์สนี้ครูแอมตั้งใจทำ และรวบรวมมาได้ทั้งหมด 64 ประเด็นวิทย์ สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิต ซึ่งอยากให้ความรู้กับน้อง ๆ ที่จะเตรียมตัวสอบเข้าม. 1 โรงเรียนสาธิตโดยเฉพาะ 

น้องบางคน..เรียนเยอะจนจำไม่ได้
น้องบางคน..ชอบลืมเนื้อหาตรงโน้นไปบ้าง
น้องบางคน..ไม่รู้ว่าจะอ่านตรงไหนดี
น้องบางคน..ไม่รู้ว่าข้อสอบออกตรงไหน
น้องบางคน…ไม่รู้ว่าจะจำยังไงดี

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อมาเรียนกับครูแอม 

“คอร์สสรุปเนื้อหาวิทยาศาสตร์ ขั้นเทพ”

คอร์สนี้ครูแอมได้รวบรวมเนื้อหาตั้งแต่ชั้นป.4 – ป.6 รวมไปถึงเนื้อหาเกินหลักสูตร ตรงไหนที่ว่าออก ตรงไหนที่เด็กชอบโดนหลอก ตรงไหนที่ออกสอบทุกปี ครูแอมเอามาเน้น เอามาย้ำในคอร์สนี้ทั้งหมด รวม 64 ประเด็น กว่า 338 Slide เนื้อหาดีและพรีเมี่ยมมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  ครูแอมได้สกัดย่อยเพื่อให้เด็ก ๆ อ่านได้ง่าย  สอดแทรกเทคนิคการจำไปในเรื่องต่างๆที่น้อง ๆ สามารถ ฟังปุ๊บเอาไปใช้ได้ปั๊บทำข้อสอบได้ทันที

 
 
เปลี่ยนคำว่ายาก …เป็นเรื่องง่าย
เปลี่ยนจากไม่เข้าใจ…เป็นแจ่มแจ้ง
เปลี่ยนจากทำไม่ได้…เป็นคะแนนเต็ม
ในบทความนี้ ครูแอมขอยกประเด็นเรื่องของ “ผล” มาสรุปให้น้อง ๆ ได้อ่านกัน และบอกเลยว่าประเด็นนี้ครูแอมมีเทคนิคการท่องจำผลกลุ่มที่ออกข้อสอบบ่อยมาก ย้ำอีกครั้ง ! ว่าออกข้อสอบบ่อยมาก   ใครจำปุ๊บเอาไปใช้ทำข้อสอบได้ปั๊บ รับคะแนนไปเลยทันที
 
ผลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือผลแท้กับผลเทียม  
1.  ผลแท้จะเกิดจาก “รังไข่”
2.  ผลเทียมจะเกิดจาก “ฐานรองดอก” หรือส่วนอื่นที่ไม่ใช่รังไข่
 
เรามาโฟกัสกันที่ “ผลแท้” ก่อนนะคะ
 
ผลแท้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ผลเดี่ยว   2. ผลกลุ่ม    3. ผลรวม
 
ตามภาพด้านล่างนี้เลยนะคะ
ผลเดี่ยว  น้อง ๆ จำไว้เลยนะคะ 1 ฐานรองดอกมี 1 รังไข่ 
 
ผลกลุ่ม 1 ฐานรองดอกมีหลายรังไข่
 
ผลรวม  เป็นดอกช่อ ที่มีรังไข่อยู่ใกล้กันเมื่อเจริญเป็นผลจึงเชื่อมต่อรวมเป็นผลเดียวกัน

ผลเดี่ยว
ผลกลุ่ม
ผลรวม
เห็นไหมคะว่า 3 รูปด้านบนมีรูปผัก/ผลไม้เยอะมาก แล้วเราต้องมานั่งจำว่าผลเดี่ยวมีอะไร ผลกลุ่มมีอะไร และผลรวมมีอะไร 

เพราะข้อสอบสาธิตปทุมวัน ออกว่า สตอเบอรี่เจริญเติบโตมาจากอะไร?
ใครจำไม่ได้ ก็ทำข้อสอบไม่ได้นะคะ แต่ถ้าใครไม่รู้ มาค่ะ ครูแอมจะมาสอนเทคนิคให้น้อง ๆ ได้ท่องจำกัน 
ผลกลุ่ม
ผลรวม
ผลเทียม


ผลกลุ่ม “ว้าย!! กลุ่มเราต้องสตอเรื่องนมน้อยหน่อย เดี๋ยวจะดัง”
ผลรวม  “รวมเกย์เบื่อคนขับรถขนขนุนที่บ้ายอ”
ผลเทียม  “ชมพู่และแอป ชอบสะตอ ว่ามีสามีเป็นฝรั่ง”

น้อง ๆ สามารถดูชื่อของผักและผลไม้ในกลุ่มต่าง ๆ ได้ตามรูปด้านบนที่ครูแอมเขียนไว้ในรูปนะคะแล้วอย่าลืมท่อง 3 ประโยคนี้ด้วยนะคะ รับรองว่าเอาไปใช้สอบได้แน่นอน

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเทคนิคที่ครูแอมเอามาฝากในเรื่องของผลเรามาดูอีก 63 ประเด็น ว่ามีประเด็นอะไรกันบ้างตามรูปนี้ได้เลย


1 อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต

2 การแบ่งประเภทของพืช
3 ส่วนประกอบของพืชและหน้าที่
4 การลำเลียงสารในพืช
5 การคายน้ำของพืช
6 การสังเคราะห์แสงของพืช
7 ใบเลี้ยงคู่และใบเลี้ยงเดี่ยว
8 ดอกไม้
9 การสืบพันธุ์ของพืช
10 ผล
11 การแบ่งประเภทของสัตว์
12 การสืบพันธุ์ของสัตว์
13 การเจริญเติบโตของสัตว์
14 ระบบหมุนเวียนเลือด
15 ระบบการหายใจ
16 ระบบย่อยอาหาร
17 ระบบขับถ่าย
18 เซลล์
19 การตอบสนองของพืช
20 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต

21 ห่วงโซ่อาหารสายใยอาหาร
22 พันธุศาสตร์
23 โภชนาการ
24 การทดสอบสารอาหาร
25 การจำแนกประเภทของสาร
26 ของแข็งของเหลวแก๊ส
27 การแยกสาร
28 ธาตุเชิงลึก
29 กรดเบส
30 การเปลี่ยนแปลงของสาร
31 วิธีการทางวิทยาศาสตร์
32 แรงเสียดทาน
33 เครื่องผ่อนแรง
34 ปริมาณทางฟิสิกส์
35 อัตราเร็ว/ความเร็ว
36 ความหนาแน่น
37 แรงพยุง
38 แรงดัน
39 ลม
40 ไฟฟ้าสถิต

41 ไฟฟ้ากระแส
42 วงจรไฟฟ้า
43 ตัวกลางของแสง
44 การสะท้อนของแสง
45 การมองเห็นสี
46 การหักเหของแสง
47 กระจกและเลนส์
48 เสียง
49 การถ่ายโอนความร้อน
50 ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ
51 การเปลี่ยนหน่วยของอุณหภูมิ
52 งาน
53 ระบบสุริยะ
54 การบอกระยะเชิงมุม
55 การอ่านแผนที่ดาว
56 ดาวเทียม
57 ฤดูกาลของโลก
58 ข้างขึ้นข้างแรม
59 สุริยุปราคา-จันทรุปราคา
69 กุล่มดาว
61 ปรากฏการณ์เรือนกระจก
62 ดิน/หิน
63 น้ำกระด้าง
64 บรรยากาศ

” 64 ประเด็นวิทย์ สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิต “

 

หากน้อง ๆ คนไหนอยากได้เทคนิคเพิ่มเติม ในเนื้อหาอีก 63 ประเด็นที่เหลือ สามารถมาพบกับครูแอมได้ใน “คอร์สสรุปเนื้อหาวิทยาศาสตร์ ขั้นเทพ” สามารถดูรายละเอียดและตัวอย่าง ได้ ที่นี่

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค

เทคนิคทำข้อสอบคณิต


ครูโอชินจะนำความรู้ที่จะพาน้องๆ เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค สุดเจ๋งที่ได้อ่านหนังสือ “คู่มือครู” ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของระดับประถมศึกษ
า 

วันนี้จะมาแชร์วิธี เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆและผู้ปกครอง สำหรับการเตรียมตัวน้องๆสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตปทุมวันและโรงเรียนสาธิตประสานมิตร 

8 หลักการที่น้องๆสามารถเลือกใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาตร์ได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น 

1.  การวาดภาพ (Draw a Picture) – เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค

การวาดภาพเป็นการจินตนาการ โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ให้ออกมาเป็นรูปภาพเพื่อสื่อสารให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้นมองเห็นภาพชัดเจน และเห็นแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ส่วนใหญ่นำมาใช้กับเรื่องเศษส่วนเป็นหลัก เช่น เช่นมีเงินอยู่ 100 บาทใช้ไป 3 ใน 5 เราเลยต้องวาด เป็นสี่เหลี่ยมทั้งหมด 5 ช่อง เพื่อแบ่งส่วนที่ใช้ไปและส่วนที่เหลืออยู่
 
ตัวอย่าง
โต้งมีเงินอยู่จำนวนนึง วันเสาร์ใช้ไป 300 บาท  วันอาทิตย์ใช้ไป 2 ส่วน 5 ของเงินที่เหลือ  ทำให้เงินที่เหลือคิดเป็นครึ่งนึงของเงินที่มีอยู่เดิมจงหาว่าโต้งมีเงินอยู่กี่บาท

 

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค
 

จากรูปเราจะเห็นว่าแบ่งสี่เหลี่ยมออกเป็นทั้งหมด 6 ช่อง
โดย 1 ช่องเท่ากับ 300 บาท
เดิมโต้งจะมีเงิน 6 ช่อง คิดเป็น 1,800 บาท

2. การหาแบบรูป (Find a Pattern) – เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิคนี้

การหาแบบรูปเป็นการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาโดยเราจะต้องหาความสัมพันธ์ความเชื่อมโยงของข้อมูลที่โจทย์ให้มาเพื่อสรุปเป็นรูปแบบหรือ pattern ของโจทย์เพื่อนำชุดความคิดนี้ไปใช้กับสิ่งที่โจทย์ถาม บางทีโจทย์ไม่ได้ให้ ความสัมพันธ์มาตั้งแต่แรก เราก็ต้องจำลองสร้างรูปแบบ เพื่อหาความสัมพันธ์ของโจทย์เอง  เรื่องนี้ใช้ได้บ่อยในเรื่องของจำนวนและพีชคณิต
 
เช่น  ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เจ้าภาพจัดโต๊ะและเก้าอี้ดังรูปถ้าจัดโต๊ะและเก้าอี้ตามรูปนี้จนครบ 10 ตัว  จะต้องใช้เก้าอี้ทั้งหมดกี่ตัว
 
 
เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค
 
สังเกตว่าโจทย์ข้อนี้เราจะต้อง pattern ของโจทย์ โดยสามารถแบ่ง โต๊ะออกเป็น 2 แบบคือ  1. โต๊ะมุม  (โต๊ะซ้ายและขวาจะมี 3 เก้าอี้)
2. โต๊ะใน ( มีเก้าอี้ 2 ตัว)
 
เวลาเราคำนวณเราก็สามารถแยก 2 ประเภทนี้ได้
โต๊ะมุม 2 ตัว = 6 เก้าอี้ ,  โต๊ะใน  8 ตัว = 16 เก้าอี้
 
รวม 22 เก้าอี้

3. การคิดย้อนกลับ (Work Backward) – เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค

การคิดย้อนกลับเป็นการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาที่ทราบผลลัพธ์แต่ไม่ทราบข้อมูลในขั้นตอนเริ่มต้น ซึ่งเราจะต้องนำตัวเลขที่เป็นผลลัพธ์มาหาคำตอบในค่าเริ่มต้น
 
เช่น   เพชรมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งให้น้องชายไป 35 ให้น้องสาวไป 15 ได้รับเงินจากแม่อีก 20 บาท  ทำให้ขณะมีเพชรมีเงิน 112 บาทเดิมเพชรมีเงินกี่บาท
 
 
เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8

ข้อนี้น้องๆสามารถใช้การวาดภาพเข้ามาช่วยในการคิด เพื่อให้เห็นภาพได้มากขึ้นและเป็นการคิดย้อนกลับในการเปลี่ยนเครื่องหมายจากบวกไปเป็นลบ หรือจากลบ กลายเป็นบวก สุดท้ายคำตอบที่ได้เดิมเพชรมีเงิน 142 บาท

4. การเดาและตรวจสอบ (Guess and Check) – เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค

การเดาและการตรวจสอบ เป็นการอาศัย ความน่าจะเป็นไปได้แล้วสุ่มหรือสมมุติ คำตอบขึ้นมา โดยเอาไปแทน ในโจทย์ ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้ถ้า โจทย์คณิตศาสตร์มี Choice ให้เลือก 1 2 3 4 เราอาจจะเอาคำตอบในแต่ละช้อยไปแทนค่าเพื่อดูว่า ควรจะตอบ Choice ไหน

แต่ถ้าข้อสอบไม่มี Choice เป็นอัตนัยเราต้องสมมติตัวเลขขึ้นมาเอง แบบนี้ต้องอาศัยโชคชะตาฟ้าลิขิตแทนค่าปุ๊บแล้วได้ปั๊บ ด้วยนะคะ

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8


ในบางครั้งเราสามารถลักไก่ใช้วิธีนี้ในการคิดโจทย์เลขได้เช่นเดียวกัน แต่บางทีค่อนข้าง ใช้เวลานานหรือแทนหลายตัวเลขไม่ได้คำตอบสักที จึงต้องใช้ วิธีอื่นมาช่วยในการหาคำตอบแทน ข้อนี้เราอาจจะใช้สมการเข้ามาช่วยในการหาคำตอบ
โดยแทน เป็นค่า x และ x + 36
และเขียนเป็นสมการ 2x + 36 เท่ากับ 136
จากนั้นเราจะหาค่า x ได้เท่ากับ 50
###ตัวเลข 2 ตัวเลยเท่ากับ 50 และ 86###

5. การทำให้ปัญหาง่าย (Simplify the problem) 

การทำให้ปัญหาง่ายเป็นการลดจำนวนที่เกี่ยวข้องกับโจทย์ปัญหาหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนรูปแบบความคิด หรือคิดนอกกรอบนั่นเองนะจ๊ะ

 

เรื่องนี้ครูโอชินสอนเป็นเทคนิค”เฟอร์นิเจอร์ห้ครูโอชิน” หมายความว่าเราจะต้องมอง เป็น ห้องสี่เหลี่ยม – ด้วยเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น
เพื่อหาพื้นที่ที่เหลือในรูปนี้(พื้นที่สีเขียว)
 
โจทย์ข้อนี้จะเห็นว่าพื้นที่แรเงารูปสามเหลี่ยม เราไม่สามารถรู้ฐานหรือสูงได้เลย  เพราะโจทย์ไม่ได้กำหนดมา  ทำให้ยากต่อการคิดที่เป็นสูตรหาพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม 1/2 x ฐาน x สูง

 

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8

พื้นที่สี่เหลี่ยมใหญ่
– (พื้นที่ A + B + C + D) = พื้นที่ที่แรเงา
 
พื้นที่สี่เหลี่ยมใหญ่ เท่ากับ 160 ตารางเซนติเมตร
พื้นที่ A = 80 ตารางเซนติเมตร
พื้นที่ B = 15 ตารางเซนติเมตร
พื้นที่ C = 18 ตารางเซนติเมตร
พื้นที่ D =  21 ตารางเซนติเมตร
พื้นที่แรเงา = 160-(80+15+18+21)  = 160-134
พื้นที่แรเงา =  26 ตารางเซนติเมตร##

6. การแจกแจงรายการ ( Make a List) 

การแจกแจงรายการเป็นการเขียน รายการและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากโจทย์ปัญหาโดยเราต้องคิดแบบมีระบบ สามารถวาดเป็นตารางช่วยในการแจกแจงและจัดระบบความคิด เพื่อนำไปสู่คำตอบ

เช่น นักเรียนกลุ่มหนึ่งต้องการซื้อไม้บรรทัดอันละ 8 บาทดินสอแท่งละ 4 บาทเป็นเงิน 100 บาท ถ้าต้องการไม้บรรทัดอย่างน้อย 5 อัน และดินสอ อย่างน้อย 4 อันจะซื้อไม้บรรทัดและดินสอได้กี่วิธี

 

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8 เทคนิค

ในตารางจะเป็นการแจกแจงรายการเช่น ถ้าเราซื้อไม้บรรทัด 5 อันราคา 40 บาทจะเหลือเงิน 60 บาทเลยสามารถซื้อดินสอได้ 15 แท่ง
 
ในตารางจะเห็นว่า สามารถเป็นไปได้ตามเงื่อนไข ที่ต้องการไม้บรรทัดอย่างน้อย 5 อันและดินสออย่างน้อย 4 อัน ได้ทั้งหมด 6 วิธี

7.  การตัดออก (Eliminate) 

การตัดออกเป็นการ ตัดคำตอบ ที่ไม่สอดคล้องหรือไม่ตรงกับเงื่อนไขในสิ่งที่โจทย์ถาม เช่นจงหาจำนวนที่หารด้วย 5 และ 6 ได้ลงตัว

 

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8

จากตารางจะเห็นว่าเราสามารถตัดที่หารด้วย 5 ลงตัวก่อนได้
step 1  ตัดเลขที่หารด้วย 5 ไม่ลงตัวออก ( เลขที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย 0 กับ 5)
 
step 2  เอาตัวเลขที่ได้จาก step 1 มาพิจารณาต่อว่าเลขไหนที่หารด้วย 6 ลงตัวบ้าง
 
ตัวเลขที่ได้ก็เป็นคำตอบ

8. การเปลี่ยนมุมมอง (Chang of view) 

การเปลี่ยนมุมมองเป็นการแก้โจทย์ปัญหาที่มีความซับซ้อน เราจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหาให้แตกต่างไปจากเดิม ส่วนใหญ่เทคนิคนี้จะเป็นการ ใช้ในเรื่องของเรขาคณิต โดยการ”ตัด ต่อ เติม ” ที่ครูโอชินสอนเทคนิคนี้ ใน intensive 3

 

เก็บคะแนนเลขง่ายๆด้วย 8


จากรูปจะเห็นว่าเราสามารถพลิกครึ่งวงกลมในแถบด้านล่าง เปลี่ยนมาประกบ กลับแถบด้านบนอีกฝั่งหนึ่งทำให้เรา เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นโดยหาเพียงแค่ พื้นที่วงกลมกลาง – พื้นที่วงกลมเล็ก

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

วิชา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คืออะไร? จะเตรียมตัวสอบวิชาทักษะวิทย์อย่างไรดี? แนวข้อสอบทักษะวิทย์จะเป็นแบบไหนกันนะ? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามยอดฮิตที่ผู้ปกครองของน้อง ๆ ที่มีความตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนสาธิตประสานมิตรสอบถามกันเข้ามา เพราะไม่รู้ว่าจะต้องจัดการรับมือกับข้อสอบแนวนี้อย่างไร แถมที่โรงเรียนที่เรียนอยู่ก็แทบจะไม่พูดถึง หรือไม่มีชื่อวิชานี้เลยด้วยซ้ำ

บทความนี้ครูแอมจะมาไขข้อข้องใจว่าทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “ทักษะวิทย์” แท้จริงแล้วมันคืออะไร และมีทักษะใดบ้างที่น้อง ๆ จะต้องเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สนามสอบ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ในการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปสู่การสืบเสาะค้นหา ผ่านการสังเกต ทดลอง สร้างแบบจำลอง และวิธีการอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลมา
สร้างคำอธิบายเกี่ยวกับแนวคิดหรือองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์  ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ประกอบด้วย 14 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการวัด ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา ทักษะการใช้จำนวน ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร ทักษะการทดลอง ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป และ ทักษะการสร้างแบบจำลอง

 

เมื่ออ่าน 14 ทักษะข้างต้นครบแล้ว หลาย ๆ คนคงพอจะนึกภาพออกแล้วว่า ทักษะเหล่านี้แฝงอยู่ในวิชาวิทยาศาสตร์ที่น้อง ๆ เรียนกันอยู่ ทั้งในรูปแบบเนื้อหา และการทดลองในห้องปฏิบัติการ  นอกจากนี้ ทักษะเหล่านี้ยังแฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอยู่แล้วโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว
เช่น เราสามารถบอกได้ว่ามะนาวมีรสเปรี้ยว เพราะเราใช้ทักษะการสังเกตผ่านการรับรสของลิ้น หรือ ถ้าเราเห็นว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีเมฆดำทะมึน เราก็คงต้องเตรียมพกร่มติดตัวไปด้วย เพราะเราใช้ทักษะการพยากรณ์คาดเดาว่าฝนกำลังจะตกแล้วแน่ ๆ

เมื่อรู้จักกับทักษะสำหรับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว สิ่งที่น้อง ๆ ควรต้องรู้เพิ่มอีกหนึ่งเรื่อง คือ “วิธีการทางวิทยาศาสตร์” ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอนที่สำคัญ ดังภาพ


สิ่งที่ผู้ออกข้อสอบต้องการประเมินน้อง ๆ คือ ต้องการประเมินว่าน้อง ๆ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ดี และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับวิธีการวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ อยากประเมินว่าน้อง ๆ มีกระบวนการคิดเป็นแบบนักวิทยาศาสตร์หรือไม่ นั่นเอง

ตัวอย่างข้อสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

 

โจทย์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จะเน้นไปที่การนำทักษะวิทย์มาใช้ในการแก้ปัญหาโจทย์ ซึ่งบางครั้งอาจต้องนำความรู้ในด้านเนื้อหาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้ามาประกอบการวิเคราะห์โจทย์ด้วย ดังนั้นน้อง ๆ ต้องอย่าลืมเตรียมความพร้อมของทั้ง 2 วิชานี้ให้ดีด้วยนะคะ (คอร์สสรุปเนื้อหา)

ครูแอมขอยกตัวอย่างโจทย์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้น้อง ๆ ได้เห็นภาพกันชัดเจนขึ้น ลองคิดคำตอบกันก่อนดูเฉลยนะคะ

เราคงรู้กันอยู่ว่าวัสดุบางชนิดมีความสามารถในการกักเก็บความร้อนได้ หากที่บ้านของเรามีวัสดุ
4 ชนิด ได้แก่ กระดาษหนังสือพิมพ์ ฟอยล์ พลาสติกห่ออาหาร และ Bubble กันกระแทก คำถามที่
เกิดขึ้นคือ วัสดุใดกักเก็บความร้อนได้ดีที่สุด นี่คือจุดเริ่มต้นของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (การระบุปัญหา) 

ปัญหานี้สามารถนำมาตั้งเป็นคำถามในข้อสอบได้หลากหลายแนวมาก ตัวอย่างเช่น

โจทย์ทักษะวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 1


หลายคนอาจรู้สึกว่าอ่าน ๆ แล้วก็เหมือนจะมีเหตุผลถูกทุกข้อเลย แต่ไม่มี choice ถูกทุกข้อให้เลือกเสียด้วยสิ !

จุดสำคัญที่ต้องยึดเป็นหลักไว้สำหรับการทำข้อสอบลักษณะนี้คือ “สมมติฐานมักเป็นข้อความที่บอกความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม”
ตัวแปรต้น (สิ่งที่เราสนใจจะศึกษา) ในการทดลองนี้ คือ ชนิดของวัสดุ
ตัวแปรตาม (ผลที่เกิดจากตัวแปรต้น) ในการทดลองนี้ คือ ความสามารถในการกักเก็บความร้อน

ดังนั้นสมมติฐานที่ถูกต้องจึงควรพูดถึงความสัมพันธ์ของ 2 ตัวแปรนี้ และอย่าลืมว่า สมมติฐานอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ เราจะไปพิสูจน์ความถูกต้องกันในผลการทดลอง 

คำตอบที่ถูกต้องของโจทย์ทักษะวิทย์ข้อนี้จึงเป็นข้อ ค. นั่นเอง


เมื่อเรามีสมมติฐานแล้ว ก็ถึงเวลาของการออกแบบการทดลอง ในส่วนนี้ต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ และทักษะการทดลอง 
แล้วข้อสอบทักษะวิทย์จะถามแนวไหนได้บ้าง ไปดูคำถามกัน

โจทย์ทักษะวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 2


เทคนิคที่ครูแอมสอนน้อง ๆ เสมอในเรื่องการกำหนดตัวแปรควบคุม คือ “ตัวแปรควบคุมจะเป็นปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นตัวแปรต้น หรือตัวแปรตาม” เทคนิคนี้ช่วยให้น้อง ๆ ตัด choice ที่ไม่ใช่ออกได้อย่างง่ายดาย สำหรับโจทย์ข้อนี้ choice ที่มีมาให้ทุกข้อนั้นไม่ใช่ทั้งตัวแปรต้นและตัวแปรตาม ดังนั้นปัจจัยทั้งหมดที่ให้มาจึงเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมให้เหมือนกัน เพื่อไม่ให้เกิดอคติ (bias) ในการทดลอง
คำตอบที่ถูกต้องของโจทย์ทักษะวิทย์ข้อนี้จึงตอบข้อ ง. นั่นเอง


เราสามารถออกแบบการทดลองโดยนำน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิเริ่มต้นเท่ากัน ปริมาณเท่ากัน ใส่ลงในแก้วแบบเดียวกันซึ่งหุ้มด้วยวัสดุต่างชนิดกัน แล้ววัดอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ดังภาพ

ผลการทดลองที่ได้ สามารถถูกนำมาตั้งคำถามในลักษณะดังต่อไปนี้

โจทย์ทักษะวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 3


การจะตอบคำถามข้อนี้ได้ถูกต้อง น้อง ๆ ต้องมีทักษะการวัด และ ทักษะการใช้จำนวน จึงจะได้คำตอบเท่ากับ 25 องศาเซลเซียส (ข้อ ค.)


 

โจทย์ทักษะวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 4


คำตอบ คือ ผลการวัดอุณหภูมิของแก้วที่ห่อด้วยพลาสติกห่ออาหาร ที่เวลา 10 นาที เพราะวัดค่าได้เท่ากับ 25 องศาเซลเซียส แต่ในเวลาต่อมาที่ 15 และ 20 นาทีกลับวัดได้อุณหภูมิสูงขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการให้ความร้อน

คำถามข้อนี้ต้องอาศัยทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล และทักษะการพยากรณ์


 

โจทย์ทักษะวิทยาศาสตร์ ข้อที่ 5

หากนำทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุปมาพิจารณาผลการทดลอง เราจะพบว่าที่เวลา 20 นาที น้ำในแก้วที่หุ้มด้วย Bubble กันกระแทกมีอุณหภูมิสูงที่สุด แสดงว่า Bubble กันกระแทกสามารถกักเก็บความร้อนได้ดีที่สุดนั่นเอง ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องของข้อนี้คือ ข้อ ง.


 

การเรียนในห้องเรียน การทำการทดลอง และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากทางโรงเรียน เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนและพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะต่าง ๆ มากขึ้น
ในเบื้องต้นหากน้องมีพื้นฐานเป็นเด็กมีความรับผิดชอบในด้านการเรียน ช่างถาม ใฝ่รู้ใฝ่เรียนเป็น
ทุนเดิมอยู่แล้ว ครูแอมเชื่อว่าน้องต้องมีทักษะเหล่านี้อยู่ในตัวแน่นอน

 แต่เพื่อให้มีความมั่นใจในการเข้าสู่สนามสอบมากขึ้น การฝึกทำโจทย์ที่เน้นเฉพาะประเด็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวช่วยหนึ่งที่น้องสามารถฝึกฝนได้ก่อนเข้าห้องสอบจริง การทำโจทย์จะทำให้น้องเห็นแนวทางของคำถามที่อาจได้พบในข้อสอบ และได้ฝึกการใช้ทักษะวิทย์กับโจทย์ในรูปแบบต่าง ๆ

ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิด

เรียนออนไลน์ยุคโควิด

“ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิด” 

เด็กขยันอ่านคืออะไร?
– เป็นโครงการของน้องชั้นป.6 ปี 2564 ที่เตรียมตัวสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตในปีนี้
– ฝึกความมีวินัยในการอ่านหนังสือทบทวน ในช่วงนี้
– โดยมีการบันทึกการอ่าน เป็นลายมือของตัวเอง
จำนวนชั่วโมงที่อ่าน วิชาที่อ่าน เรื่องที่อ่าน เปรียบเสมือน
ไดอารี่ที่นำพาไปสู่ เด็กสาธิต

 

ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิด

.
ชมรมเด็กขยันอ่าน เข้าแล้วได้อะไร?
-มีก๊วนเพื่อนๆที่คอยอยู่เป็นเพื่อนกัน พูดคุยสอบถามทุกๆวันไปพร้อมกับคุณครูที่จะมา Zoom กันทุกพุธ 18.00 เป็นต้นไป
-เพื่อนๆมีการนัดกลุ่ม ติวแยกกัน เป็นรายคน เหมือนมีเพื่อนนั่งอ่านหนังสือไปพร้อมๆกัน
– มีโอกาสในการเข้าร่วม Diamond Class สุดโหด สุดเข้มข้น โดยที่ครูจะมาติวเข้มพร้อมอัดแน่นเนื้อหาที่ถูกกลั่นกรองมาจากคลังความรู้ ทุกแบบฉบับ ทุกเทคนิค อะไรที่ว่าเจ๋งที่สุด อะไรที่ว่าปัง เอามารวมใส่ไว้ในคลาสเรียนนี้ และฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
(Diamond Class จะเป็นการเชิญน้องๆเข้าร่วมคลาสเท่านั้น ไม่สามารถสมัครลงเรียนได้)


ใครสามารถเข้า ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิดได้บ้าง?
-รับสมัครน้องๆชั้นป.6 ไม่ว่าจะเป็นคอร์ส live สด คอร์สออนไลน์
คอร์สอะไรก็ได้ของสถาบัน bigbrain สามารถเข้าร่วมได้
– ส่งรูปและชื่อมา ทักและส่ง ที่ไลน์ ID :@askbigbrain
จะมีคุณครู เอารูปน้องๆมาโพสต์และสามารถมาคอมเม้นทำบันทึกการอ่านของตัวเองได้เลย
.

.
ตอนนี้มีผู้เข้าร่วม ” ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิด ” ทั้งหมด 16 คนด้วยกันมาดูกันดีกว่าว่าจะมีน้องอะไรบ้าง ส่วนเด็กๆน้องๆคนไหน อยากมาดูโน๊ตของเพื่อนๆสามารถดูได้ที่ลิ้งนี้ ที่นี่ 

วันนี้มีตัวอย่างของๆน้องมาให้ได้ดูกันด้วย ทั้ง ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ น้องคนแรก

ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิด

“น้องเอมมี่” สาวน้อยตัวเล็ก เล็กพริกขี้หนูของจริง
รอยยิ้มนั้นว่าสดใส ไฉไลแล้ว เรื่องความรู้ก็ไม่เป็นสองรองใคร
ลายมือ ความสวยงาม ความเป็นระเบียบไม่ต้องพูดถึง
เรียกได้ว่า ครบจริงๆสำหรับสาวน้อยเอมมี่ เยี่ยมมากๆค่ะ

โดยทุกวันพุธ เวลา 18.00 เราจะมาพูดคุย ตั้งเป้าหมาย ไปกับครูแอม และครูโอชิน สัปดาห์นี้อ่านได้กี่ชั่วโมง สัปดาห์หน้าจะอ่านกี่ชั่วโมง ?
พูดคุยแชร์ สิ่งดีดี ที่เป็นการเรียนรู้ เช่น

1. App “Goodnote” ใครที่มี IPAD แล้วไม่มีแอพนี้ไม่ได้แล้ว เหมาะกับการจดโน๊ต ขีดๆเขียนๆเป็นที่สุด สามารถเพิ่มรูปหรือจดด้วยลายมือตัวเองแถมยังแชร์ไปให้เพื่อนๆเป็นรูปภาพหรือว่า pdf ก็ได้ด้วย apple pen เพียง 1 แท่ง
 
2. App “Cam Scanner” ใครที่อยู่ในช่วงของการเรียนรู้หรือมีการส่งเนื้อหาชีสหนังสือเรียนให้กับเพื่อน App นี้เรียกได้ว่า เทพมากๆ ใช้ส่งงานก็ได้  ใช้ลอกการบ้านก็ดี เห็นตัวอักษรชัดแจ๋วเปลี่ยนจากดำๆมืดๆเป็นขาวจั๊วะ แฮปปี้ที่สุดไม่มีไม่ได้แล้ว  ถ้าสังเกตจากบันทึกการอ่านของน้องๆด้านบนส่วนใหญ่ก็จะใช้ App นี้ในการถ่ายรูปแทบจะทั้งนั้น

3. App “JigSpace” แอพนี้ใครที่ชอบดูภาพสามมิติหรืออยากจะเห็นสิ่งของชิ้นนั้นๆมีองค์ประกอบข้างในเป็นยังไงบ้าง เรียนรู้ได้ครบจบใน App เดียว ลองไปโหลดมาใช้ดูได้

รวมถึงพูดคุยถึงปัญหา และถามความเห็นน้องๆ
อ่านแล้วง่วง ทำไงได้บ้างคะ  อ่านยังไงให้เร็ว
อ่านยังไงให้มีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า น้องๆแต่ละคนก็มีเทคนิค ที่ไม่เหมือนกัน แค่หาสไตล์ที่ใช่ ที่ตัวเองอ่านแล้วเร็ว อ่านแล้วเข้าใจ 
น้องๆก็ได้เห็นมุมมอง ของเพื่อนๆ และเอามาปรับใช้กับตัวเอง 

 

เรียนออนไลน์ในยุคโควิด
.
มี LINE ส่วนตัวที่คุณครูมาตอบโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านผู้ปกครอง
อยากถามอะไรถามมาได้เลยสงสัยตรงไหนได้จะนอกบทเรียนหรือในบทเรียนคุณครูก็ยินดีต่อแต่ห้ามเอาการบ้านมาให้ทำนะจ๊ะไม่ได้เด็ดขาดต้องลองทำเองก่อน 555
 
 
เหมือนมีคุณครูเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว 
คือ ครบ คือดี คืองาม มากที่สุด
.
ชมรมเด็กขยันอ่านหนังสือ เรียนออนไลน์ในยุคโควิด
ชมรมเด็กขยันอ่าน เรียนออนไลน์ในยุคโควิด

“น้องตาต้า” หนุ่มน้อยสุดหล่อ ที่ขยันและตั้งใจเรียนเป็นที่สุด เก่งมากๆเลย อนาคตเด็กสาธิตแน่นอน ตาต้าเป็นเด็กที่ตั้งใจอ่านและสรุปออกมาได้อย่างดี รวมถึงมีการเตรียมตัว พรีเซ้นส์หน้าห้องได้แบบน่าทึ่ง ถามคำถามสร้างการมีส่วนร่วม หรือสไลด์การสอนที่รู้ว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เยี่ยมมากๆ หนุ่มน้อยคนนี้

ชมรมเด็กขยันอ่าน ในยุคโควิด

“น้องอิงอิง” สาวน้อยที่เรียนกับบิ๊กเบรนมาตั้งแต่ชั้นป.4 แล้วมาเจอกันอีกทีตอนชั้นป.6 น้องอิงอิง มีความขยันตั้งใจเป็นที่สุด น้องมีแรงบันดาลใจและมีความพยายามในการเรียนหนังสือมาก  ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม  ทำการบ้านส่งตลอด คุณครูทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ติดสาธิตแน่นอน

ชมรมรักการอ่านจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีน้องๆที่มีความขยันและตั้งใจพร้อมที่จะก้าวสู่สนามสอบเข้าม 1 โรงเรียนสาธิตไปพร้อมๆกัน สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและคุณพ่อคุณแม่
 
แล้วพบกันทุกๆวันพุธ จนถึงวันสอบนะคะ

ด้วยรัก 
จากครูและทีมงานสถาบันบิ๊กเบรน

ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

ทักษะกระบวนการคณิต ประสานมิตร


วันนี้ครูโอชินจะมาอธิบายเรื่องหลักสูตรระดับชั้นป 6 ก่อนอื่นต้องมาดูกันก่อนว่า หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ปี 2551 และ ปี 2560 ว่าเหมือนหรือต่างกันตรงไหนบ้าง? และมันจะไปเกี่ยวโยงกับ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ที่เป็น 1 ใน 6 วิชาที่ใช้สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ยังไงไปดูกันเลย

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์   หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

 แบ่งเป็น 6 สาระ 
1. จำนวนและการดำเนินการ 
2. การวัด 
3. เรขาคณิต 
4. พีชคณิต 
5. การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น
6. ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์

หลักสูตรคณิต 2551

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 แบ่งเป็น 3 สาระ 

1. จำนวนและพีชคณิต
2. การวัดและเรขาคณิต
3. สถิติและความน่าจะเป็น

โดยได้แยก ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ออกจากสาระการเรียนรู้ และแยกย่อยใน ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ออกเป็น 5 ทักษะ

หลักสูตร คณิตป.6 2560


1.  การแก้ปัญหา (problem solving)
2.  การสื่อความหมาย (communication)
3.  การเชื่อมโยง (connection)
4.  การให้เหตุผลและการพิสูจน์ (reasoning and proof)
5.  การคิดสร้างสรรค์ (Creativity)

ทักษะกระบวนการคิด สาธิตประสานมิตร

สรุปง่ายๆ
หลักสูตรปี 2551  มี 6  ( 5 สาระ + 1 ทักษะ)
หลักสูตรปี 2560 มี  3 + 1  ( 3 สาระ + 1 ทักษะ)

เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของคำว่า  ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพียงแต่เด็กๆจะได้ยินคำนี้น้อยๆมาก ในห้องเรียน ว่า คืออะไร เรื่องอะไร แล้วสอบแบบไหน ครูบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่เราโจทย์เลขที่เราเรียนเลขมา ล้วนแต่ใช้ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แทบทั้งนั้น โจทย์ บางข้อ ใช้ 2  ทักษะ   โจทย์บางข้อใช้ 3 ทักษะ มาดูตัวอย่างกัน

เค้กส้ม 12 ชิ้น ราคา 72 บาท
เค้กลูกเกด 10 ชิ้น ราคา 40 บาท
เค้กช็อกโกแลต 8 ชิ้น ราคา 40 บาท
เค้กชนิดใดราคาถูกที่สุด

ตอบ  เค้กลูกเกด
เหตุผล : เค้กลูกเกดราคา 4 บาท/ชิ้น เค้กส้มราคา 6 บาท/ชิ้น เค้กช็อคโกแลตราคา 5 บาทต่อชิ้น เค้กที่ถูกที่สุดจึงเป็นเค้กลูกเกด
ทักษะที่ใช้ :
1.  การแก้ปัญหา   ต้องรู้และเข้าใจว่าโจทย์ถามหาอะไร เริ่มต้นคิดที่ตรงไหนก่อน
2. การเชื่อมโยง   เมื่อรู้ว่าเค้กแต่ละชนิด 1 ชิ้นราคากี่บาท โดยเราคำนวณจากสิ่งที่โจทย์กำหนดมา
3. การให้เหตุผล  สามารถตอบได้ว่า อันไหนถูกสุด และถูกเพราะอะไร เพราะราคา 4 บาท/ชิ้น

วิชา ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ นี้ไม่ยาก!!

บอกเลยข้อสอบไม่ยาก เป็นวิชาที่แจกคะแนนเด็กๆ เพราะวิชานี้ มีข้อสอบรวมกับวิชาวิทย์ 60 ข้อ 60 นาที “ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ 30 ข้อ 30 นาที” แต่ถ้าใครยังไม่ชัว ไม่แม่น ว่าข้อสอบจะออกยังไง จะทำได้ไหม อยากรู้แนวข้อสอบเก่า แนวข้อสอบของจริง ที่ครูโอชินได้รวบรวมมา  เด็กๆพบกับครูได้ที่คอร์สออนไลน์ของสถาบัน

แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง 1 ใน 6 วิชาที่ใช้สำหรับสอบเข้าโรงเรียนสาธิตประสานมิตรนั่นคือ “ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ”  โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 ทักษะ อ้างอิงตามหลักสูตรกระทรวงปีล่าสุด 2560 ดังนี้

1. การแก้ปัญหาเป็นความสามารถในการทำความเข้าใจปัญหาคิดวิเคราะห์วางแผนแก้ปัญหาและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบพร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้อง

2. การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์เป็นความสามารถในการใช้รูปภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสารสื่อความหมายสรุปผลและนำเสนอได้อย่างถูกต้องชัดเจน

3. การเชื่อมโยงเป็นความสามารถในการใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้คณิตศาสตร์เนื้อหาต่างๆหรือสัตว์อื่นๆและนำไปใช้ในชีวิตจริง

4. การให้เหตุผลเป็นความสามารถในการให้เหตุผลรับฟังและให้เหตุผลสนับสนุนหรือโต้แย้งเพื่อนำไปสู่การสรุปโดยมีข้อเท็จจริงทางคณิตศาสตร์รองรับ

5. การคิดสร้างสรรค์เป็นความสามารถในการขยายแนวคิดที่มีอยู่เดิมหรือสร้างแนวคิดใหม่เพื่อปรับปรุงพัฒนาองค์ความรู้

เราดูตัวอย่างโจทย์ด้านบนกันมาแล้ว  คราวนี้มาดูตัวอย่างโจทย์ที่แยกไปตามแต่ละทักษะกันบ้างดีกว่า

1. ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้านการแก้ปัญหา

การพัฒนาทักษะและกระบวนการแก้ปัญหาเริ่มต้นน้องๆต้องเข้าใจกระบวนการแก้ปัญหาที่มีอยู่ 4 ขั้นตอนเปรียบเสมือน “อริยสัจ 4 ทุกข์  สมุทัย นิโรธ มรรค ”  รู้ปัญหา  วางแผนแก้ไขปัญหา  ทำการแก้ปัญหา   ตรวจสอบ

เห็นไหมว่าวิชาคณิตศาสตร์เอาไปเชื่อมโยงกับวิชา สังคมศึกษาได้เหมือนกันนะเนี่ย ลองมาดูตัวอย่างของการแก้ปัญหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับไก่และกระต่าย

ข้อนี้บอกเลยว่าไม่ยากแล้วก็ไม่ง่าย ข้อสอบคณิตศาสตร์ทั่วไปไม่ต้องพูดถึงทักษะกระบวนการคิดสำหรับสาธิตประสานมิตรก็สามารถเจอข้อสอบคณิตศาสตร์สอบเข้าม. 1 ข้อนี้ได้

ทักษะกระบวนการคิดคณิตศาสตร์

ครูโอชินมี 2  วิธีเทคนิคการคิด
1. ใช้สมการ เราสามารถสมมติไก่ให้เป็น x ตัว ส่วนกระต่าย เป็น 30 – x ตัว และแก้สมการดังรูปต่อไปนี้ เราก็จะได้ค่า x มาทำให้รู้ จำนวนของกระต่ายและไก่
ดังรูป ใครทำสมการคล่องแล้ว แก้สมการได้คำตอบ จบเลย
ใครไม่แม่นสมการ เรียนเชิญคอร์ส intensive 1 (สำหรับป.6..ดูที่นี่..) Fundamental 2 (สำหรับป.5 ..ดูที่นี่..)

2. ใช้การวาดรูป
ก่อนอื่นเราต้องวาดกลมๆ ทั้งหมด 30 กลมๆเพื่อเป็นตัวแทนของสัตว์ที่เราเลี้ยง จากนั้นเราก็ใส่ขาให้ทุกตัวก่อน ตัวละ 2 ขา (สีแดง)   เราใส่ไป 60 ขาละแต่เรามีทั้งหมด 86 ขา  เพราะฉะนั้นเรายังเหลืออีก 26 ขา  ที่ต้องวาดใส่เข้าไป  26 ขา (สีน้ำเงิน) สามารถเอาไปใส่ได้อีก 13 ตัว  ดูจากรูป  เราก็จะรู้เลยว่ามีกระต่ายกี่ตัวและมีไก่กี่ตัว


เพิ่มเติมการแก้โจทย์ปัญหาในข้อนี้ น้องๆที่ ไม่รู้วิธีคิด 2 แบบแรกก็จะใช้ การสมมติมั่วๆ ใครโชคดีสมมุติไม่กี่ตัวเลขก็ได้เลย รักใครโชคไม่เข้าข้างหน่อยอาจจะสมมติหลายตัวเลขทำให้เสียเวลาในการคิด ครูโอชินแนะนำโรงเรียนรู้รูปแบบการแก้โจทย์ปัญหาสมการในเรื่องจำนวนขาสัตว์และหัวสัตว์ใน 2 เทคนิคการคิดด้านบนดีกว่าค่ะ เพราะสามารถเอาไปใช้ในการทำโจทย์คณิตศาสตร์สอบเข้าม 1

2. ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้านการสื่อสารและการสื่อความหมาย

การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ เป็นการสื่อสาร ที่มีการใช้สัญลักษณ์ตัวแปร  ตารางกราฟ  สมการ  มาช่วยในการสื่อความหมาย แทนทักษะการสื่อสารที่เราใช้กันทั่วไป  การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน เพื่อแก้ไขโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ มาดูตัวอย่างโจทย์กัน

อยากทราบว่ามาลีควรจ้างลูกจ้างคนใดทำงาน a b c เสร็จ แล้วจ่ายเงินน้อยที่สุดและถ้ามาลีต้องการรับลูกจ้าง เพื่อทำงาน a b c ทั้ง 3 อย่างเพียงคนเดียวเขาควรจะรับลูกจ้างคนใดเข้าทำงานจึงจะจ่ายเงินน้อยที่สุด

ตอบ งาน a จ้าง นิด  
        งาน b จ้าง น้อย
        งาน c จ้าง หน่อย
ถ้าจ้างคนเดียวทำทั้ง 3 งาน ควรจ้างนิดเพราะทำงานทั้ง 3 อย่างในราคา 140 บาท

จะสังเกตเห็นว่าเราใช้ตารางในการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์เพื่อตีความสิ่งที่โจทย์กำหนดมาให้และแก้ไขปัญหาโดยใช้รูปแบบความสัมพันธ์ของตัวแปรที่โจทย์กำหนดให้มาเพื่อหาคำตอบ


3. ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้านการการเชื่อมโยง

การเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ ละความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการนำความรู้เนื้อหาทางคณิตศาสตร์ มาสร้างความสัมพันธ์ เข้ากับศาสตร์อื่นๆ สถานการณ์หรือในชีวิตประจำอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน เช่น เรื่องการเงิน การคิดดอกเบี้ย ทบต้นทบดอก งานศิลปะ (ประยุกต์ใช้รูปเรขาคณิตในการวาด การออกแบบ)

 

ก่อนอื่นบอกเลยคำถามนี้มีได้หลายคำตอบด้วยกันขึ้นอยู่กับว่าใครเอาอะไรเป็นเกณฑ์วัดและบอกเหตุผล ที่เป็นเหตุเป็นผลกัน  รวมถึงเชื่อมโยงปัจจัยอื่นๆเข้าด้วยกัน  สมมุติมีเด็กอยู่ 3 คน  

คนที่ 1 ตอบว่าควรเช่าที่ดินของนายสุขใจ เพราะมีค่าใช้จ่ายรายปี 50,400 บาท โดยได้ที่ดินมากกว่าที่กำหนดไว้อีก 1 งาน  

คนที่ 2  ตอบว่าควรเช่าที่ดินของนางทองสุข ค่าเช่า 2 ไร่ (8 งาน) ราคา 4,000 บาทต่อเดือน  เป็นเงิน 48,000 บาท / ปี ซึ่งถูกกว่าราคาเช่าของนายสุขใจ  

คนที่ 3 ตอบว่าคนเช่าที่ดินของ นาย สุขใจเพราะเมื่อคิดค่าเช่า งานละ 466.66 บาท/เดือน ของนางทองสุขค่าเช่างานละ 500 บาท/เดือน นายสุขใจราคาน้อยกว่านางทองสุข

จะเห็นว่าเด็กทั้ง 3 คน มีการคิดเชื่อมโยงระหว่างตัวเลขทางคณิตศาสตร์กับเหตุและผลในการเช่าที่ดิน แต่เราสามารถนำปัจจัยอื่นๆมาพิจารณาร่วมกันก็ได้เช่น โลเคชั่น การเดินทางเข้าออก การเข้าถึง ของสาธารณูปโภคต่างๆ เพราะฉะนั้นคำตอบของปัญหาอาจมีมากกว่า 1 คำตอบขึ้นอยู่กับการให้เหตุผลเชื่อมโยง องค์ประกอบอื่นๆที่สมเหตุสมผลด้วยเช่นเดียวกัน

4. ทักษะกระบวนกาทางคณิตศาสตร์ ด้านการให้เหตุผล

การให้เหตุผลเป็นทักษะและกระบวนการที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลคิดอย่างเป็นระบบสามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบสามารถคาดการณ์วางแผนตัดสินใจและแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ที่สามารถนำไปใช้พัฒนาตนเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและการดำรงชีวิตได้

เด็กคนที่ 1   อาจจะตอบว่าไม่สามารถหาคำตอบข้อนี้ได้เพราะว่าโจทย์กำหนดความลึกของน้ำโดยเฉลี่ย 1.3 เมตร ตรงตำแหน่งที่ไม้ปักอยู่   เราไม่สามารถทราบความลึกของน้ำที่แน่นอนตรงนั้น   จึงไม่สามารถหาความยาวของไม้ส่วนที่ปักอยู่ในดินได้ คำตอบนี้ก็ถือว่าถูกต้องสมเหตุสมผล เช่นเดียวกัน แต่ถ้า คุณครูบอกว่า น้ำลึก 1.3 เมตร  โดยตัดคำว่าโดยเฉลี่ยออกไป  คำตอบที่ได้ก็จะเป็นดังรูปด้านล่าง

เริ่มต้นคำนวณหาความยาวไม้ไผ่ส่วนที่อยู่เหนือน้ำ
คิดเป็น 1 ใน 3 ของ 2.85 = 0.95 m  

ความยาวของไม้ไผ่ที่อยู่ในน้ำ 1.3 เมตร  

รวมความยาวไม้ไผ่ ที่อยู่เหนือน้ำจนถึงก้นบ่อ 0.95+1.3 = 2.25 เมตร  

เราเลยหาค่าของไม้ไผ่ที่อยู่ในดินได้ 0.6 เมตร

5. ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้านการคิดสร้างสรรค์

การคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการคิดที่อาศัยความรู้พื้นฐานจินตนาการและวิจารณญาณ ในการพัฒนาหรือคิดค้นองค์ความรู้ ช่วยให้ผู้เรียนมีแนวทางการคิดที่หลากหลายมีกระบวนการคิดจินตนาการ  ในการประยุกต์ที่จะนำไปสู่การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่และมีคุณค่า ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีนิสัยกระตือรือร้น  ไม่ย่อท้อ   อยากรู้อยากเห็น   อยากค้นคว้าและทดลองสิ่งใหม่ๆ

“ปัญหาปลายเปิด” ช่วยส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้เรียน 

ปัญหาปลายเปิดเป็นปัญหาที่มีคำตอบหลายคำตอบหรือมีแนวคิดวิธีการในการหาคำตอบได้หลายอย่างเป็นปัญหาที่ช่วยส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของนักเรียน เมื่อมีคนหนึ่งได้คำตอบแล้ว ก็ สามารถหาคำตอบอื่นๆจากนักเรียนที่เหลือได้เป็นการ แชร์มุมมองแนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาโจทย์ที่หลากหลาย

การจะเป็นสามเหลี่ยมได้นั้น  “สั้นบวกสั้นมากกว่ายาวเสมอ”

ข้อนี้น้องๆจะต้องใช้ความรู้เรื่องเรขาคณิตมาช่วยในการแก้โจทย์ปัญหา และสร้างเป็นตารางดังรูปด้านข้าง สามารถใช้ทักษะ การสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ที่เป็นตารางมาช่วยในการแก้โจทย์ปัญหาข้อนี้ หลักการของข้อนี้มีอยู่อันเดียวคือการจะเป็นสามเหลี่ยมได้นั้นสั้นบวกสั้นมากกว่ายาวเสมอ

จะสร้างรูปสามเหลี่ยมที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด 4 แบบได้แก่แบบที่   4   5   6   7   ในแบบที่ 1-3 ด้านสั้นบวกด้านสั้นจะไม่เท่ากับด้านยาวเลยไม่สามารสร้างเป็นสามเหลี่ยมได้

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

ตัวอย่างข้อสอบวิชาความถนัดทางการเรียน

ข้อสอบความถนัดทางการเรียน สำหรับสอบเข้าม.1 สาธิตประสานมิตร
จะมีทั้งหมด 80 – 85  ข้อ ด้วยกัน (แต่ละปี จะไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่ จะ 80 ข้อ) โดยจะแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อใหญ่ๆด้วยกัน
1. ความถนัดทางด้านตัวเลข
2. ความถนัดทางด้านภาษา
3. ความถนัดทางด้านเหตุผล
เรามาดู ตัวอย่างข้อสอบวิชาความถนัดทางการเรียน ทั้ง 3 Part กันเลย


ตัวอย่างข้อสอบวิชาความถนัดทางการเรียน – ด้านตัวเลข

จะเป็นข้อสอบที่วัดความสามารถพื้นฐาน ทางคณิตศาสตร์ จะครอบคลุมทักษะการใช้ Operations พื้นฐาน เช่น การบวก ลบ คูณ หาร และ ความสามารถ ในการตีความและแก้โจทย์ที่ต้องอาศัย พื้นฐานความเข้าใจในความคิดรวบยอดและหลักการ ในคณตศาสตร์ระดับเบื้องต้น เช่น หาความสัมพันธ์ของตัวเลข ว่าเพิ่มขึ้น ลดลง บวกกันหรือนำมาคูณกัน  อนุกรมเลขคณิต 

ข้อ 1   3 , 4 , 10 , 24 , 49 ,  X   จงหาค่า   X

เฉลย

คำตอบ    88



ข้อ 2   จงหาค่าของ 1 + 2 + 3 + 4 + …… + 60

เฉลย

คำตอบ    1,830


ข้อ 3  รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีเส้นรอบรูปยาว 32 เซนติเมตร จะมีพื้นที่กี่ตารางเซนติเมตร

เฉลย

คำตอบ  64 ตารางเซนติเมตร


ข้อ 4  ครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก  6 คน  A, B, C, D, E และ F เดินทางไปเที่ยว เชียงใหม่ร่วมกัน B เป็นบุตรของ C แต่ C ไม่ใช่แม่ของ B   A  และ C  แต่งงานกัน   E เป็นพี่ชายของ C     D เป็นบุตรสาวของ A    F  เป็นพี่ชายของ B
ครอบครัวนี้มีสมาชิกที่เป็นผู้ชายกี่คน

เฉลย

คำตอบ  4 คน


ข้อ 5  จงหาค่าของ X

เฉลย

คำตอบ  DW


ตัวอย่างข้อสอบวิชาความถนัดทางการเรียน – ด้านภาษา

ข้อสอบด้านนี้วัดความรู้ ความเข้าใจ และเหตุผลเชิงภาษาของผู้เรียน โดยคลอบคลุม พื้นฐานความรู้ความเข้าใจทางภาษา ในการคิดวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ประเมินรูปแบบต่างๆ ระหว่าง ศัพท์ สำนวน ข้อมูล และแนวความคิดที่สื่อในรูปของบทความหรือข้อความ  เช่น การเติมข้อความให้ได้ใจความสมบูรณ์ การหาความหมายของคำ คำตรงข้ามของคำ การอุปมา อุปไมย มีเรื่องคำราชาศัพท์ เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง หรือแม้กระทั่ง ลักษณะนาม เรื่องนี้ถ้าน้องๆมีความรู้ด้านภาษาไทยหัวข้อ นี้ไม่ยากเกินความสามารถน้องๆแน่นอนค่ะ

ข้อ 1  “โลก  ประเทศ  รัฐ  ทวีป  จังหวัด”จงหาตัวเลือกลำดับกลาง
1.  โลก           2.  ประเทศ                3.  รัฐ                       4.  ทวีป            5.  จังหวัด

เฉลย

คำตอบ  ประเทศ


ข้อ 2  สมเด็จพระสังฆราช……..กับประชาชน
1. ตรัส            2. มีพระราชดำรัส        3. ทรงตรัส                 4. ทรงมีพระราชปฎิสันถาร

เฉลย

คำตอบ  ตรัส


ข้อ 3  คำที่สัมพันธ์กับคำว่า “ทาส”
1. เจ้านาย       2. ไม่มีอิสระ               3. ความยากจน           4. โง่เขลา          5. เหน็ดเหนื่อย

เฉลย

คำตอบ  ไม่มีอิสระ


ข้อ 4 คำที่ตรงข้ามกับคำว่า “คว่ำ”
1. ตั้ง              2. พลิก                     3. เอียง                               4. หงาย              5. ตะแคง

เฉลย

คำตอบ  หงาย


ข้อ 5  คำที่ความหมายใกล้คียงกับคำว่า “ฟังหูไว้หู”
1. อย่าฟังความข้างเดียว                              
2. ต้องฟังเสียงส่วนมาก          
3. ฟังแล้วต้องคิดไตร่ตรอง                           
4. ฟังหูซ้ายเก็บไว้ที่หูขวา

เฉลย

คำตอบ   ฟังแล้วต้องคิดไตร่ตรอง   


ตัวอย่างข้อสอบ – ด้านเหตุผล

โจทย์จะวัดเรื่องทักษะ กระบวนการคิด การสังเกตข้อมูลที่โจทย์ให้มา เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูลแต่ละตัว เพื่อเชื่อมโยงเหตุผล หาความเกี่ยวข้องกัน  โจทย์แนวนี้จะมีทั้งที่เป็นรูปภาพ ให้หาภาพถัดไป หรือจะเป็น แผนภูมิเชิงตรรกะเป็นภาพวงกลม

ข้อ 1 “นิ้ว   เมตร ฟุต”  ข้อใดคือคำประเภทเดียวกันกับคำที่กำหนดให้
1. ถัง                        2. ลิตร                     3. หาบ                    4. โยชน์


เฉลย

คำตอบ   โยชน์


ข้อ 2   เครื่องหมาย ? คือข้อใด

ข้อสอบความถนัด สำหรับประสานมิตร
ตัวอย่างข้อสอบวิชาความถนัดทางการเรียน
เฉลย

ข้อ 3  อุปมาอุปไมยแบบภาษา   แมว : หนู
1. นก : หนอน             2. สุนัข : หาง              3. กับดัก : เนย            4. ซ่อน : เที่ยวหา

เฉลย

คำตอบ    นก : หนอน


ข้อ 4  A  เข้าแถวอยู่ระหว่าง B กับ C,  B อยู่ระหว่าง D กับ A ,  C อยู่ระหว่าง A กับ E  ใครยืนอยู่ตรงกลาง
1. D                         2. C                         3. A                         4. B

เฉลย

คำตอบ   A


ข้อ 5  ฉันไปโรงเรียน พี่ไปตลาด พ่อไปทำงาน แม่เฝ้าบ้าน ฉะนั้นใครอยู่บ้าน
1. น้อง                      2. คนใช้                               3. ปู่และย่า                 4. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้

เฉลย

คำตอบ   ยังสรุปแน่นอนไม่ได้

ตัวอย่างข้อสอบความถนัดทางการเรียน รับไฟล์ PDF ฟรี

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

สาธิตปทุมวัน หรือ สาธิตประสานมิตร

สาธิตปทุมวัน หรือ สาธิตประสานมิตร เข้ายากกว่ากัน ?

จริงๆแล้วก็พอทราบกันอยู่แล้วว่าสาธิตปทุมวันเป็นโรงเรียนที่สอบเข้ายากที่สุดกันเลยทีเดียว สาธิตปทุมวัน หรือ สาธิตประสานมิตร อันไหนเข้ายากกว่ากันจะต้องขึ้นอยู่กับปีนั้นๆ ว่าคนสมัครสอบกี่คนเลยค่ะ ซึ่งอันนี้จะต้องอัพเดตเป็นรายปี แต่ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่โรงเรียนละประมาณ 2,000-3,000 คนแต่มีบางปีที่ปทุมวันตรงกับประสานมิตร ทำให้เด็กเกลี่ยไปโรงเรียนใดโรงเรียนนึง อัตราการสมัครก็จะลดลงตามไปด้วย อาจจะประมาณ 1,200-2,000 คน ประมาณนี้ (แต่ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาสอบกันคนละวันกันเลย) ซึ่งหากจะสอบเข้าสาธิต ไม่ว่าจะเป็นสาธิตปทุมวัน หรือสาธิตประสานมิตรสามารถไปดูได้ว่าจริงๆแล้วทั้ง 2 โรงเรียนนี้เขาสอบกี่กันคน รับจริงกี่คนได้ที่นี่

สาธิตปทุมวัน หรือ สาธิตประสานมิตร

แต่ความยากของการสอบเข้าสาธิตปทุมวันนั้นมี 3 สาเหตุใหญ่ๆด้วยกัน
1. ความยากของข้อสอบ : ข้อสอบเข้าสาธิตปทุมวันนั้นยากมากจนที่กล่าวขานรู้กันในวงการ…
2. จำนวนผู้เข้าสอบ 3,000-4,000 คนรับ 120 คนถือว่าสัดส่วนการแข่งขันสูงที่สุดในโรงเรียนที่มีการสอบเข้า ม.1 ทั้งหมด…
3. วันสอบสาธิตปทุมวันซึ่งไม่เหมือนโรงเรียนรัฐบาลอื่นๆ เช่น สวนกุหลาบ สตรีวิทย์ บดินทร์ สามเสน ฯลฯ โรงเรียนพวกนี้จะสอบวันเดียวกันพร้อมกันทั้งหมด เด็กเก่งๆก็จะกระจายกันไปแต่ละพื้นที่หรือตามแต่ละเพศ เช่น เด็กผู้ชายเก่งๆมักจะมาวัดกันที่สวนกุหลาบ ก็ตัดคู่แข่งไปหนึ่งเพศใหญ่คือผู้หญิงไปแล้ว ไม่เหมือนสาธิตปทุมวันที่สอบแยกต่างหาก ไม่ซ้ำโรงเรียนอื่น ทำให้มีโอกาสที่เด็กเก่งๆเทพๆจะมาแข่งกันเยอะมาก


10 คำถามยอดฮิต สาธิตปทุมวัน VS สาธิตประสานมิตร

ระหว่างสาธิตประสานมิตร สาธิตปทุมวัน

1. โรงเรียนสาธิตปทุมวันกับสาธิตประสานมิตร เหมือนหรือแตกต่างกันอะไรบ้าง
จุดเหมือนคือเป็นโรงเรียนในสังกัด มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเหมือนกันแต่นอกนั้นแตกต่างกันพอสมควร เพราะมีการบริหารจัดการแยกกัน ในแง่ของการสอบเข้า ทำให้สอบคนละวันกัน วิชาที่สอบก็แตกต่างกัน

2. โรงเรียนสาธิตปทุมวันกับสาธิตประสานมิตรแล้วโรงเรียนไหนดีกว่ากันคะ
จริงๆแล้ว ไม่มีโรงเรียนไหนดีที่สุด แต่ทุกโรงเรียนต่างมีจุดดีจุดเด่นแตกต่างกัน นอกจากนั้นก็ยังขึ้นกับตัวเด็กเองด้วย สำหรับสองโรงเรียนนี้ ถือเป็นโรงเรียนสาธิตระดับสุดยอดทั้งคู่ ถ้าน้องสอบเข้าโรงเรียนใดได้ ก็ถือว่าน้องเก่งมากๆแล้ว แต่ถ้าให้เทียบจริงๆ ในแง่วิชาการ…โรงเรียนสาธิตปทุมวันจะค่อนข้างโดดเด่นกว่าโรงเรียนสาธิตประสานมิตรพอสมควร แต่ถ้าในแง่กิจกรรมบันเทิง ต้องยกให้สาธิตประสานมิตรเลย เพราะเด็กจบจากที่นี่ไปเป็นดารานักร้องเยอะมาก แต่ไม่ใช่ว่าสาธิตประสานมิตรวิชาการไม่ดีนะ ดีมากเหมือนกันเมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ : )

3. ระหว่างสาธิตปทุมวัน กับ สาธิตประสานมิตรที่ไหนสอบยากกว่ากันคะ
โรงเรียนสาธิตปทุมวันยากกว่านิดหน่อย สัดส่วนการแข่งขันสูงกว่า ปกติแต่ละปีนักเรียนสมัครสอบ 2,000-4,000 คน (บางปีพีคๆสูงถึง 4,300 คน) จากจำนวนรับ 120 คน สัดส่วนการแข่งขันอยู่ที่ 1:35 โดยประมาณ ขณะที่สาธิตประสานมิตรเฉลี่ยแต่ละปีมีผู้เข้าสอบ 2,000-3,000 คน จากจำนวนรับ 100 คน สัดส่วนโดยประมาณก็อยู่ที่ 1:25

4. โรงเรียนสาธิตประสานมิตรนี่ต้องสอบวิชาอะไรบ้างอะคะ แล้วควรเน้นวิชาอะไรเป็นพิเศษคะ
โรงเรียนสาธิตประสานมิตร จะมีการสอบทั้งหมด 6 วิชา คือวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และความถนัดทางการเรียน สำหรับการเน้นวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นพิเศษคงไม่ได้ ต้องกระจายเฉลี่ยความสำคัญให้ครบทั้ง 6 วิชา หลายๆคนอาจเน้นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เพราะเป็นวิชายาก ก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี แต่ถ้าอยากเน้นจริงๆควรเน้นวิชาความถนัดฯไปด้วย เพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบว่าใน 6 วิชาที่สอบ ค่าสัดส่วนค่าน้ำหนักสูงเหมือนกันทุกวิชา อีกทั้งวิชานี้ยังไม่มีสอนในหลักสูตรที่โรงเรียน ทำให้เด็กมักไม่รู้หลักในการทำข้อสอบวิชานี้ ทำให้สถาบันกวดวิชาบิ๊กเบรนของเราจะเน้นติววิชานี้เป็นพิเศษ

5. ถ้าอยากให้น้องไปลองสอบเข้าสาธิตปทุมวันด้วย สอบเหมือนกับที่สาธิตประสานมิตรหรือเปล่าคะ
โรงเรียนสาธิตปทุมวันและสาธิตประสานมิตรจะสอบต่างกัน โดยสาธิตปทุมวันภาคปกติจะสอบ 4 วิชาได้แก่คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทยและสังคมศึกษา ทุกวิชามีค่าน้ำหนักเท่ากัน จำนวนข้อสอบก็ไม่เท่ากัน อีกทั้งในภาพใหญ่ข้อสอบเข้าสาธิตปทุมวันนั้น มีความซับซ้อนและเกินหลักสูตรไปมาก ทำให้ดูแล้วยากกว่าข้อสอบเข้าสาธิตประสานมิตรประมาณหนึ่ง

6. เชียร์ให้เข้าสาธิตไหนดีคะ ระหว่างสาธิตประสานมิตรกับสาธิตปทุมวัน
จริงๆแล้วอย่างที่บอกว่าทั้งสองโรงเรียนเป็นโรงเรียนระดับสุดยอดทั้งคู่ และความจริงก็คือ “ไม่มีโรงเรียนไหนที่ดีที่สุด มีแต่โรงเรียนที่เหมาะกับน้องมากที่สุด” น้องคนไหนที่สามารถสอบเข้าสาธิตปทุมวันหรือโรงเรียนสาธิตประสานมิตรได้ จะมีโอกาสมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน และ “สาธิตปทุมวัน” ถือเป็นโรงเรียนที่สอบเข้าม.1 ยากที่สุดแล้ว ถ้าเตรียมสอบโดยมุ่งเน้นที่สาธิตปทุมวัน จะได้เนื้อหาที่เข้มข้นพอสำหรับการสอบเข้าทุกโรงเรียนในประเทศไทยแน่นอน

7. ทำไมสาธิตปทุมวันสอบเข้ายากที่สุด
ความยากของการสอบเข้าสาธิตปทุมวันนั้นมี 3 สาเหตุใหญ่ๆด้วยกัน ได้แก่…1. ความยากของข้อสอบ : ข้อสอบเข้าสาธิตปทุมวันนั้นยากมากจนที่กล่าวขานรู้กันในวงการ…2. จำนวนผู้เข้าสอบ 3,000-4,000 คนรับ 120 คนถือว่าสัดส่วนการแข่งขันสูงที่สุดในโรงเรียนที่มีการสอบเข้าม.1 ทั้งหมด…3. วันสอบสาธิตปทุมวันซึ่งไม่เหมือนโรงเรียนรัฐบาลอื่นๆ เช่น สวนกุหลาบ สตรีวิทย์ บดินทร์ สามเสน ฯลฯ โรงเรียนพวกนี้จะสอบวันเดียวกันพร้อมกันทั้งหมด เด็กเก่งๆก็จะกระจายกันไปแต่ละพื้นที่หรือตามแต่ละเพศ เช่น เด็กผู้ชายเก่งๆมักจะมาวัดกันที่สวนกุหลาบ ก็ตัดคู่แข่งไปหนึ่งเพศใหญ่คือผู้หญิงไปแล้ว ไม่เหมือนสาธิตปทุมวันที่สอบแยกต่างหาก ไม่ซ้ำโรงเรียนอื่น ทำให้มีโอกาสที่เด็กเก่งๆเทพๆจะมาแข่งกันเยอะมาก
……… แต่อย่างไรก็ตามจะเชียร์ให้ตั้งเป้าหมายโรงเรียนที่สอบยากๆไว้ก่อน (แม้ดูๆแล้วจะเกินศักยภาพของน้อง) ดังหลักการที่ว่า “เวลาตีกอล์ฟให้เล็งไปที่ดวงจันทร์ แม้จะไม่ถึงดวงจันทร์แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว” กล่าวคือแม้ตั้งเป้าหมายไปที่สาธิตปทุมวันแล้ว ต่อให้น้องพยายามสุดแล้วศักยภาพไม่ถึง สอบไม่ได้ ก็ยังมีโอกาสที่จะสอบติดโรงเรียนที่รองๆลงมา ซึ่งก็ยังถือเป็นโรงเรียนที่ดีเยี่ยมอยู่ ดีกว่าตั้งเป้าหมายโรงเรียนระดับรองๆถ้าพลาดไปก็จะได้โรงเรียนที่แย่ลงไปอีก ……

8. ทั้งสองสาธิตมีภาคภาษาอังกฤษด้วยใช่ไหมคะ รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้างคะ ค่าเทอมประมาณเท่าไหร่
ทั้งสาธิตปทุมวันและสาธิตประสานมิตร มีภาคภาษาอังกฤษทั้ง 2 โรงเรียน ซึ่งค่าเทอมทั้งสองที่จะพอๆกันคือตกปีละสามแสนบาท (ไม่รวมค่าไปSummer) ส่วนที่แตกต่างกันสิ้นเชิงคือตัวหลักสูตร สาธิตปทุมวันจะเป็นหลักสูตรอีพี (English Program) – EPTS แต่ถ้าสาธิตประสานมิตร จะเป็นหลักสูตรอินเตอร์ (International Program) – SPIP

9. แต่ละสาธิตรวมถึงโรงเรียนรัฐบาลอื่นๆสอบกันช่วงไหนบ้างคะ
สาธิตประสานมิตรจะสอบในช่วงกลาง-ปลายเดือนกุมภพันธ์ แล้วจะตามด้วยสอบ Gifted ของรร.รัฐบาลต่างๆประมาณต้นเดือนมี.ค. แล้วกลางเดือนมี.ค.โดยประมาณจะมีการสอบภาคปกติโรงเรียนรัฐบาลครับ (ซึ่งทั้ง 4 สนามสอบ จะสอบคนละวันกัน)

10. ช่วยแนะนำวิธีการเตรียมตัวสอบให้หน่อยค่ะ
ขออนุญาตแนะนำแบบรวมใช้ได้ทุกโรงเรียนเลย คือน้องจะเริ่มเตรียมตัวเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก่อนจบป.5 น้องควรเรียนเนื้อหาระดับประถมฯจบทั้งหมดแบบครบถ้วน แล้วพอขึ้นป.6 เป็นช่วงเวลาที่น้องควรจะต้องเรียนเนื้อหาเกินหลักสูตร (เนื้อหาม.ต้น) รวมทั้งหมั่นฝึกฝนโจทย์แนวแข่งขัน อาทิ ข้อสอบสมาคม, สพฐ, ราชภัฏฯ, เพชรยอดมงกุฏ และสสวท. เพราะแนวข้อสอบเข้าม.1 โรงเรียนดัง ก็มักจะหนีไม่พ้นโจทย์แข่งขันพวกนี้ สุดท้ายนี้ การสอบเข้าสาธิตฯนั้นแม้จะยากแต่ก็คุ้มค่า แม้จะยากแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปถ้ามีความพยายามในการเตรียมตัวมากพอ และการเตรียมตัวนั้นต้องถูกต้องถูกทางตรงแนวด้วย ถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด

และสุดท้าย สำหรับการสอบเข้าสาธิตนั้น จำเป็นต้องเรียนพิเศษหรือไม่

คำตอบคือ ถ้าน้องสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ก็ไม่จำเป็น แต่ข้อสอบเข้าสาธิตทั้งสาธิตปทุมวันและสาธิตประสานมิตร รวมถึงพวกหลักสูตร Gifted รร.รัฐบาลทั้งหลาย ซึ่งเกินครึ่งจะออกเกินหลักสูตรประถม ต่อให้น้องเป็นระดับหัวกะทิจากโรงเรียนไหนอะไรมายังไง ก็ไม่มีทางมีความรู้เกินหลักสูตรอย่างแน่นอน ดังนั้นการเรียนพิเศษจึงสำคัญตรงนี้ เพราะข้อสอบที่ออกเกินหลักสูตรนั่นเอง ทำให้การเรียนที่โรงเรียนจึงไม่เพียงพอ น้องที่ไม่ได้เรียนพิเศษเนื้อหาล่วงหน้าเกินหลักสูตรมา แทบจะหมดโอกาสในการสอบเข้าเลยก็ว่าได้ (นอกจากสามารถศึกษาด้วยตนเอง ซื้อหนังสือม.ต้นมาอ่านเองแล้วเข้าใจ) นอกจากนี้ การเรียนพิเศษ จะทำให้น้องๆรู้แนวข้อสอบ รู้จุดสำคัญที่ออกข้อสอบบ่อยๆ รู้เทคนิควิธีลัดในการทำข้อสอบให้เร็วและถูกต้องมากขึ้น ซึ่งพวกนี้น้องๆจะไม่สามารถหาได้จากในห้องเรียน ด้วยระบบการศึกษาไทยที่บีบบังคับ ทำให้ผมเชื่อว่าถ้ามีการแข่งขัน คนที่มีอะไรพิเศษกว่า เหนือกว่า ย่อมได้เปรียบแน่นอน ดังนั้นการเรียนพิเศษกับการสอบเข้าอะไรชั้นไหนก็ตามแต่ กลายเป็นของคู่กันไปซะแล้ว


ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ?

ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ?

การสอบเข้าม.1 ทั้งสาธิตปทุมวันและสาธิตประสานมิตร จะต้องรู้ก่อนว่า ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ? เพราะว่าการคิดคะแนนจะแตกต่างจากการสอบเข้าม.1 โรงเรียนรัฐบาลอื่นๆ เพราะจะใช้คะแนนทางสถิติที่เรียกว่า T-Score ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ผ่านการทดสอบ โดย T-Score จะมีข้อดีในการปรับคะแนนทุกวิชาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (เพราะแต่ละวิชา ความยาก-ง่ายไม่เท่ากัน)

ซึ่งการสอบน้องๆสามารถใช้คะแนนทางสถิติที่เรียกว่า T-Score เพื่อประเมินตนเองได้ก่อน เป็นการต่อสู้กับตัวเอง ไม่ต้องแข่งกับคนอื่นด้วยลำดับที่เลย

คะแนนมาตรฐานที่ (T-Score) หมายถึง คะแนนที่มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 50 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10 และมีการแจกแจงคะแนนเป็นรูปโค้งปกติ ซึ่งเป็นคะแนนมาตรฐานที่แปลงมาจากคะแนนมาตรฐานซีเพื่อแก้จุดอ่อนบางประการของคะแนนมาตรฐานชี คะแนนมาตรฐานที่ (T-Score)คำนวณได้จากสูตรต่อไปนี้

ค่า T score ตอนสอบคืออะไร

ตัวอย่าง

นักเรียนคะแนนสอบ(X)คะแนนมาตรฐานซี(Z)คะแนนมาตรฐานที(T)
1.กมล400.00 50+(10×0.00)=50
2.โสภา420.5050+(10×0.50)=55
3.นิรมล441.0050+(10×1.00)=60
4.ประชา482.0050+(10×2.00)=70
5.นิเวศ37-0.7550+(10×(-0.75))=42.5
6.ประจักษ์33-1.7550+(10×(-1.75))=32.5

การประเมินคะแนนมาตรฐานที(T-Score) อาจกำหนดระดับคุณภาพเป็น 5 ระดับดังนี้
ตั้งแต่ T 65 และสูงกว่า          แปลว่า      ดีมาก
ตั้งแต่ T 55 – 65                 แปลว่า      ดี
ตั้งแต่ T 45 – 55                 แปลว่า      พอใช้
เฉพาะ T 50                        แปลว่า      มีความสามารถปานกลางพอดี
ตั้งแต่ T 35 -45                  แปลว่า      ยังไม่พอใช้
ตั้งแต่ T 35 และต่ำกว่า        แปลว่า      อ่อน
จะสังเกตเห็นว่าการแบ่งระดับข้างต้นมีคะแนน T บางตัวซ้ำกันที่ตรงหัวและตรงท้ายของช่วงคะแนนเช่นที่ T 55 เป็นต้น การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตรง T 55 นั้นเป็นจุดแบ่งเขตระหว่างกลุ่ม ฉะนั้น ถ้านักเรียนคนใดได้คะแนน T ตรงจุดแบ่งเขตนั้นพอดี คือ ที่ T 35 , 45, 55 และ 65 ให้เลื่อนนักเรียนที่คาบเส้นผู้นั้นขึ้นไปอยู่ในกลุ่มสูงที่ถัดไปเสมอ เพื่อผลทางจิตวิทยาเพราะโอกาสที่นักเรียนคนเดียวกันจะได้คะแนนตรงนั้นช้ำ ๆ กันมีอยู่น้อยมาก

ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ? – คุณลักษณะที่สำคัญ

 คุณลักษณะที่สำคัญของคะแนนมาตรฐานที่ (T – Score) คือ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 50 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10 มีการแจกแจงเป็นโค้งปกติ ใช้เปรียบเทียบคะแนนจากข้อมูลต่างชุดกันได้ บวก ลบ คูณหารกันได้อย่างถูกหลักวิชา เพราะการแปลงคะแนนดิบของแต่ละวิชาให้เป็นคะแนนมาตรฐานที (T – Score)นั้นจะทำให้คะแนนต่าง ๆ เป็นมาตราเดียวกัน นอกจากนี้คะแนนมาตรฐานที (T – Score)ยังสามารถนำมาหาค่าเฉลี่ยได้อย่างมีความหมาย เช่น ด.ช.ประชา สอบวิชาณิตศาสตร์ได้ T 50 สอบวิชาวิทยาศาสตร์ได้ T 55สอบวิชาภาษาไทยได้ T 40 และสอบวิชาสังคมศึกษาได้ T 33 ดังนั้นคะแนนเฉลี่ยของ T – Score ทั้ง 4 วิชาเท่ากับ

หรือเท่ากับ T 45 ซึ่งอาจประเมินได้ว่า เขามีความสามารถในการเรียนระดับปานกลางหรือพอใช้แต่ค่อนข้างต่ำ จะเห็นได้ว่าคะแนนมาตรฐานที (T – Score) สามารถแปลความหมายได้ในตัวมันเอง เช่น ผู้ที่สอบได้คะแนนมาตรฐานที (T – Score) ใกล้ ๆ กับ 50 แสดงว่ามีความสามารถปานกลางแต่ถ้าได้คะแนนมาตรฐานที่ (T – Score) ต่ำกว่า 50 แสดงว่ามีความสามารถค่อนข้างต่ำลงไป เป็นต้น ถ้าอยากให้ทราบแน่ชัดลงไปอีกว่านักเรียนคนนั้นเด่นด้อยขนาดใดให้ไปอ่านบัญชีในตารางการแปลง T – Score เป็นจำนวนร้อยละที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นหรือแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ไทล์ (PR) นั่นเอง เช่น ด.ช.ประชา ได้ T 45 ซึ่งตรงกับเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 30.85 หรือ 31% หมายความว่าในนักเรียน 100 คนจะมีนักเรียนคนอื่น ๆ ที่มีคะแนนน้อยกว่า ด.ช.ประชา อยู่ 31 คน พร้อม ๆ กับมีอีก 69 คนที่มีคะแนนมากกว่าหรือเก่งกว่าเขา


ตารางค่าคะแนน T-Score

คะแนน T% ที่เหนือผู้อื่นคะแนน T% ที่เหนือผู้อื่น คะแนน T % ที่เหนือผู้อื่น
100.0032379.686491.92
110.00483811.516593.32
120.0073913.576694.52
130.0114015.876795.54
140.0164118.416896.41
150.0234221.196997.13
160.0344324.207097.72
170.0484427.437198.21
180.0694530.857298.61
190.0974634.467398.93
200.134738.217499.18
210.194842.077599.38
220.264946.027699.53
230.355050.007799.65
240.475153.987899.74
250.625257.937999.81
260.825361.798099.865
271.075465.548199.903
281.395569.158299.931
291.795672.578399.9582
302.285775.808499.966
312.875878.818599.977
323.595981.598699.984
334.466084.138799.989
345.486186.438899.9928
356.686288.498999.9952
368.086390.329099.9968

ดังนั้น การนำคะแนนมาบวกกันตรงๆ แล้วทำการ Ranking อันดับมันจึงดูไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ T-Score จึงถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในจุดนี้ ซึ่งเมื่อคิดคะแนนเป็น T-Score แล้ว ก็สามารถเทียบในแต่ละวิชาได้ทันทีว่าวิชาไหนทำคะแนนได้ดีกว่าวิชาไหน ซึ่งการคำนวณ T-Score นั้นจะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยคือ ค่าเฉลี่ยของกลุ่มและการกระจายของคะแนน(ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร) มองในมุมค่าเฉลี่ย คือ ถ้าทำคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากๆ คะแนน T-Score ก็จะยิ่งสูงนั่นเอง

และคำถามสำคัญที่สุดคือ ต้องทำ T-Score ได้ถึงเท่าไหร่ ถึงจะสอบได้.. แนะนำถ้าน้องๆทำคะแนน T-Score ได้เกิน 70% โอกาสสอบติดจะถือว่า 100% เลยก็ว่าได้

คะแนนมาตรฐานที่ (T-Score) หมายถึง คะแนนที่มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 50 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10 และมีการแจกแจงคะแนนเป็นรูปโค้งปกติ
——————–
พูดง่ายคือ % ที่เราอยู่เหนือคู่แข่งของเรานั่นเอง
.
ถ้าใครได้ T-Score = 70 “ดีเยี่ยมที่สุด”
แปลว่า “เราได้คะแนนเยอะกว่าคนอื่น 98% “
มีคนสอบ 100 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 98 คน
มีคนสอบ 1,000 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 980 คน
.
ถ้าใครได้ T-Score = 50
แปลว่า “ได้ลำดับที่กลางๆของจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด”
.
ถ้าใครได้ T-Score = 40 “ต้องลุ้นสุดตัว”
แปลว่า “เราได้คะแนนเยอะกว่าคนอื่น 16%”
มีคนสอบ 100 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 16 คน
มีคนสอบ 1,000 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 160 คน
——————–

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

สอบเข้าสาธิต สอบกี่คน รับจริงกี่คน

สอบเข้าสาธิต สอบกี่คน รับจริงกี่คน?

กว่าที่คนคนหนึ่งจะได้เข้าสู่รั้วโรงเรียนสาธิตประสานมิตร หรือรั้วโรงเรียนสาธิตปทุมวันได้ รู้หรือไม่ สอบเข้าสาธิต สอบกี่คน รับจริงกี่คน? น้องๆจะต้องผ่านการต่อสู้กับเพื่อนในรุ่นที่มีเป้าหมายเดียวกันจากทั่วประเทศ และน้องๆทุกคนก็ต่างมีวิธีการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมลงสนามแตกต่างกัน บางคนมองว่าลำพังแค่นั่งเรียนธรรมดาตามชั่วโมงที่โรงเรียนกำหนดคงไม่เพียงพอ ต้องหาออปชั่นเสริมด้วยการฟิตอ่านหนังสือและลงเรียนพิเศษเพิ่ม คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านคงทราบกันอยู่แล้วว่าข้อสอบที่จะสอบเข้านั่นยากมากเพียงใด แต่อัตราการแข่งขันสอบเข้านั้นก็สูงมากๆเช่นเดียวกันนอกจากจะเจอกับโจทย์หรือข้อสอบที่สุดหินแล้ว ต้องมาเจอคู่แข่งที่หินมากๆไม่แพ้กัน จะหินอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วรึเปล่า ไปดูอัตราการแข่งขันทั้ง 2 โรงเรียนนี้กัน

สอบเข้าสาธิต สอบกี่คน รับจริงกี่คน?

สาธิตประสานมิตร – สอบกี่คน รับจริงกี่คน?

สาธิตประสานมิตร มีชื่อเต็มว่าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) “Laboratory and Demonstration” ในฐานที่เป็นห้องทดลองคนวิจัยทางการศึกษาและเป็นแปลงสาธิตการศึกษาขั้นพื้นฐานของมหาวิทยาลัย จึงเป็นต้นแบบและต้นทางแห่งการบุกเบิกกระบวนการเรียนรู้ เป็นต้นแบบของการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างแท้จริง และยังดำรงความเป็นโรงเรียนสาธิต ที่มีพันธกิจต้องเป็นต้นแบบการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพ ปัจจุบันโรงเรียนสาธิตประสานมิตรเปิดสอนอยู่ 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรปกติ และหลักสูตรหลักสูตรนานาชาติ(SPIP)

หลักสูตรปกติ

  • จำนวนผู้สมัครสอบ เฉลี่ยปีละประมาณ 2,000 คน
  • จำนวนรับทั้งหมด
    – นักเรียนทั่วไป 100 คน
    – นักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหว ไม่เกิน 3 คน
    – โครงการความร่วมมือทางด้านกีฬาฟุตบอล ไม่เกิน 20 คน
    – นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ  ดนตรี 15 คน, นาฏศิลป์ไทย 8 คน, ลีลาศ 2 คน, กีฬาต่างๆ 15 คน
    – นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ไม่เกิน 17 คน เช่น บกพร่องกทางการเรียนรู้ สติปัญญา ออทิสซึม สมาธิสั้น
  • อัตราส่วนการรับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1:20
  • ข้อสอบมีทั้งหมด 6 วิชาได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความถนัดทางการเรียน และทักษะกระบวนการคิดวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์
    – คณิตศาสตร์ 25 ข้อ
    – วิทยาศาสตร์ 60 ข้อ
    – ภาษาอังกฤษ 60 ข้อ
    – ภาษาไทย 30 ข้อ
    – ความถนัดทางการเรียน 50 ข้อ
    – ทักษะกระบวนการคิดวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 60 ข้อ

หลักสูตรนานาชาติ หรือ SPIP – Satit Prasarnmit International Program 

  • จำนวนผู้สมัครสอบ เฉลี่ยปีละประมาณ 200-300 คน
  • จำนวนรับทั้งหมด
    – Year 7 รับ 30-40 คน
    – Year 8 รับ รับ 30-40 คน
    จำนวนรับต่อปีไม่เท่ากัน ขึ้นกับจำนวนห้องที่เปิด และจำนวนนักเรียนเดิมที่เลื่อนชั้นขึ้นมา
  • อัตราส่วนการรับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1:10
  • ข้อสอบมีทั้งหมด 3 วิชาได้แก่ Sciences Mathematics and English

ความยากของการสอบเข้าโรงเรียนสาธิตประสานมิตร หากปีไหน โรงเรียนสาธิตประสานมิตร สอบพร้อมกับโรงเรียนสาธิตปทุมวัน ก็จะไม่ยากมาก  เพราะเฉลี่ยๆเด็กเก่งๆ เน้นไปทางโรงเรียนสาธิตปทุมวันซะส่วนใหญ่ หากปีไหน สอบไม่พร้อมกัน ก็จะยากมากถึงมากที่สุดเพราะน้องๆทุกคนจะสามารถสอบได้ทั้ง 2 สนามเลย


สอบเข้าสาธิตปทุมวันสอบเข้าสาธิต-สอบกี่คน-รั

สอบเข้าสาธิต สอบกี่คน รับจริงกี่คน ? – สาธิตปทุมวัน

สาธิตปทุมวัน มีชื่อเต็มว่า โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน เป็น โรงเรียนสาธิตแห่งแรกของประเทศไทยและยังเป็นโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกของ ประเทศไทยอีกด้วยและถือว่าเป็นโรงเรียนสาธิตอันดับหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบันกว่าหกสิบปี ที่โรงเรียน สาธิตปทุมวัน ยังดำรงความเป็นโรงเรียนสาธิต ที่มีพันธกิจต้องเป็นต้นแบบทางการศึกษาเป็นแหล่งทดลองการศึกษาต่างๆ ที่จะต้องผลิตครูชั้นยอดสู่สังคมไทย สาธิตปทุมวัน จึงต้องพัฒนาปรับปรุงตนเองให้มีความล้ำ ในทุกด้าน ทุกมิติของการศึกษาปัจจุบันโรงเรียนสาธิตปทุมวัน ปัจจุบันเปิดสอนอยู่ 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรปกติ และหลักสูตร EP (EPTS)

หลักสูตรปกติ

  • จำนวนผู้สมัครสอบ เฉลี่ยปีละประมาณ 2,000-4,000 คน
  • จำนวนรับทั้งหมด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
    – กลุ่มนักเรียนทั่วไป 120 คน (คะแนนสอบ100%)
    – กลุ่มนักเรียนโควต้าจากสาธิตประสานมิตร
    – กลุ่มผู้มีอุปการะคุณ  (เด็กเส้นนั่นเอง เด็กบางคนเก่งมาก แต่ก็เส้นเข้ามาเพื่อความชัวร์)
  • อัตราส่วนการรับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1:25 (กลุ่มนักเรียนทั่วไป)
  • ข้อสอบมีทั้งหมด 4 วิชาได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และสังคมศึกษา
    ทุกวิชามีคะแนนเท่ากันคือ 50 คะแนน มาดูรายละเอียดคร่าวๆดังนี้
    – วิชาคณิตศาสตร์ 25 ข้อ
    – วิชาวิทยาศาสตร์ 50 ข้อ
    – วิชาภาษาไทย 50 ข้อ
    – วิชาสังคมศึกษา 50 ข้อ

หลักสูตร EP หรือ EPTS – The English Program for Talented Students

  • จำนวนผู้สมัครสอบ เฉลี่ยปีละประมาณ 400 คน
  • จำนวนรับทั้งหมด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
    – กลุ่มนักเรียนทั่วไป 35 คน (คะแนนสอบ100%)
    – กลุ่มนักเรียนโควต้าจากสาธิตประสานมิตร
    – กลุ่มผู้มีอุปการะคุณ  (เด็กเส้นนั่นเอง เด็กบางคนเก่งมาก แต่ก็เส้นเข้ามาเพื่อความชัวร์)
  • อัตราส่วนการรับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1:11 (กลุ่มนักเรียนทั่วไป)
  • ข้อสอบมีทั้งหมด 5 วิชาได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ
    มาดูรายละเอียดคร่าวๆดังนี้
    – คณิตศาสตร์ 25 ข้อ
    – วิทยาศาสตร์ 50 ข้อ
    – ภาษาไทย 50 ข้อ
    – สังคมศึกษา 50 ข้อ
    – วิชาภาษาอังกฤษ 100 ข้อ listening 20 ข้อ คะแนนเป็น 2 เท่าของวิชาอื่นๆ
    จะเห็นได้ว่าสำหรับภาค EPTS จะมีเน้นวิชาภาษาอังกฤษเป็นหลัก ค่าน้ำหนักวิชาภาษาอังกฤษคะแนนถือเป็น 2 เท่าของวิชาอื่นๆกันเลย ดังนั้นน้องๆคนไหนมีแผนที่จะสอบเข้า EPTS ควรให้ความสำคัญในการเตรียมตัวสอบ อ่านหนังสือให้ครบทั้ง 5 วิชา อย่าได้ทิ้งวิชาใดเป็นอันขาด

ความยากของการสอบเข้าโรงเรียนสาธิตปทุมวันนั้นมี 3 สาเหตุใหญ่ๆด้วยกัน
1. ความยากของข้อสอบ : ข้อสอบเข้าสาธิตปทุมวันนั้นยากมากจนที่กล่าวขานรู้กันในวงการ…
2. จำนวนผู้เข้าสอบ 3,000-4,000 คนรับ 120 คนถือว่าสัดส่วนการแข่งขันสูงที่สุดในโรงเรียนที่มีการสอบเข้าม.1ทั้งหมด…
3. วันสอบสาธิตปทุมวันซึ่งไม่เหมือนโรงเรียนรัฐบาลอื่นๆ เช่น สวนกุหลาบ สตรีวิทย์ บดินทร์ สามเสน ฯลฯ โรงเรียนพวกนี้จะสอบวันเดียวกันพร้อมกันทั้งหมด เด็กเก่งๆก็จะกระจายกันไปแต่ละพื้นที่หรือตามแต่ละเพศ เช่น เด็กผู้ชายเก่งๆมักจะมาวัดกันที่สวนกุหลาบ ก็ตัดคู่แข่งไปหนึ่งเพศใหญ่คือผู้หญิงไปแล้ว ไม่เหมือนสาธิตปทุมวันที่สอบแยกต่างหาก ไม่ซ้ำโรงเรียนอื่น ทำให้มีโอกาสที่เด็กเก่งๆเทพๆจะมาแข่งกันเยอะมาก

แต่จำนวนผู้สมัครไม่ว่ามากหรือน้อยเพียงใด อัตราการแข่งขันที่สูงหรือต่ำมากๆ จริงแท้แล้วเป็นตัวแปรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และแทบจะไม่มีผลเลยสำหรับน้องๆที่เตรียมตัวมาพร้อมลงสนามเป็นอย่างดี และนี่คือสถิติและสัดส่วนจำนวนคนสมัครสอบเข้าม.1 ของโรงเรียนสาธิตประสานมิตรและโรงเรียนสาธิตปทุมวัน โรงเรียนดังระดับประเทศที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุดของสนามสอบเข้าม.1 แต่ไม่ว่าจะมีคนสมัครสอบสักกี่คน ก็สามารถเพิ่มโอกาสสอบติดให้ตัวเองได้ ถ้าเตรียมตัวให้พร้อม!!

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร

แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร

ข้อสอบสอบเข้าสาธิตประสานมิตร ภาคปกติ จะใช้สอบ 6 วิชาได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความถนัดทางการเรียน และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
– คณิตศาสตร์ 25 ข้อ
– วิทยาศาสตร์ 60 ข้อ
– ภาษาอังกฤษ 60 ข้อ
– ภาษาไทย 30 ข้อ
– ความถนัดทางการเรียน 50 ข้อ
– ทักษะกระบวนการคิดวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 60 ข้อ เรามาดู แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร กันดีกว่าค่ะ

แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร – วิชาวิทยาศาสตร์

1. ตารางแสดงการทำฟองกับสบู่ของน้ำจากแหล่งต่าง ๆ  ได้ผลการทดลองดังนี้

แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร

ในแหล่งน้ำ  X  อาจตรวจพบสารประกอบประเภทใด
1. แมกนีเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
2. โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
3. แคลเซียมซัลเฟต
4. แมกนีเซียมคลอไรด์

เฉลยข้อสอบ
  1. แมกนีเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต

2. ข้อใดผิดเกี่ยวกับธาตุที่มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนดังภาพ

แนวข้อสอบ วิทยาศาสตร์

1. เป็นธาตุที่อยู่ในหมู่ที่  6  คาบที่  2
2. มีวาเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ  8
3. เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นแก๊ส
4. มีคุณสมบัติไม่นำไฟฟ้า

เฉลยข้อสอบ

2. มีวาเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ  8

3. จากสมการเคมี

การดุลสมการเคมี คือการทำให้อะตอมของธาตุมีจำนวนเท่ากันทั้งสองข้างของสมการ
อยากทราบว่าหลังจากดุลสมการทั้งสองให้เท่ากันแล้ว a + b + c + d  เท่ากับเท่าใด
1. 24                        2. 34                        3. 47                         4. 57


4. เมื่อความดันบรรยากาศที่ระดับน้ำทะเล เท่ากับ 760 มิลลิเมตรปรอท บนยอดเขาแหลมวัดความดันบรรยากาศได้ 600 มิลลิเมตรปรอท บนยอดเขาหลวงวัดความดันบรรยากาศได้ 640 มิลลิเมตรปรอท ข้อใดถูกต้อง
1. เขาหลวงสูงกว่าเขาแหลม 40 เมตร               2. เขาแหลมสูงกว่าเขาหลวง 40 เมตร
3. เขาหลวงสูงกว่าเขาแหลม 440 เมตร             4. เขาแหลมสูงกว่าเขาหลวง 440 เมตร

เฉลยข้อสอบ

4. เขาแหลมสูงกว่าเขาหลวง 440 เมตร


5. ชายและหญิงที่มีผมหยักศก โดยมียีนผมตรงแฝงอยู่แต่งงานกัน โอกาสที่พวกเขาจะมีลูกคนแรกเป็นเพศหญิงและมีผมหยักศกเป็นเท่าใด
1. 3/4                                                                         2. 3/8
3. 1/4                                                                         4. 1/8


แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร – วิชาคณิตศาสตร์

1. แผ่นดิสซ์ขนาด 1.44 MB ต้องการบันทึก 30 ไฟล์ โดยมีข้อมูล 0.8 MB อยู่ 3 ไฟล์ 0.7 MB มี 12 ไฟล์ และ 0.4 MB มี 15ไฟล์ ต้องใช้แผ่นดิสซ์อย่างน้อยที่สุดกี่แผ่น
1. 13  แผ่น                    2. 14  แผ่น                    3. 15  แผ่น                    4. 16  แผ่

2. แบคทีเรียขยายพันธุ์ 2 เท่า ทุกๆ 20 นาที  ถ้าเลี้ยงเป็นเวลา 1 วัน  แบคทีเรียจะเต็มหลอดพอดี ถามว่าถ้าต้องการเลี้ยงให้ได้หลอดต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง
1. 17  ชั่วโมง                 2.  19 ชั่วโมง                 3.  21 ชั่วโมง                 4.  23  ชั่วโมง

เฉลยข้อสอบ

21 ชั่วโมง

3. พี่โอชินกินก๋วยเตี๋ยวโดยมีเครื่องปรุง 5 อย่าง คือ น้ำตาล น้ำปลา พริกป่น พริกไทย และน้ำส้มสายชู พี่โอชินจะมีวิธีปรุงกี่วิธี ถ้าพี่โอชินชอบทานหวาน
1.  13 วิธี                      2.  14 วิธี                      3.  15 วิธี                      4.  16 วิธี

4. น้าป้อมซื้อข้าวมา 3 ชนิด แต่ละชนิดราคา 500 บาท 300 บาท และ 100 บาท ต่อกิโลกรัม  โดยน้าป้อมจะนำข้าวทั้งสามชนิดมาผสมใน อัตราส่วน 3:5:2 และขายในราคากิโลกรัมละ 400 บาท อยากทราบว่าน้าป้อมได้กำไรกี่เปอร์เซ็นต์จากราคาทุน
1. 12%                        2. 15%                         3. 20%                       4. 25%

5. มีแม่กุญแจและลูกกุญแจ 4 ดอกวางเรียงกันรวมอยู่บนโต๊ะ ลูกกุญแจหนึ่งดอกไขแม่กุญแจได้ 1 ตัว เท่านั้น สุ่มหยิบแม่กุญแจมา 2 ตัว และลูกกุญแจมา 2 ดอก ความน่าจะเป็นที่จะไขแม่กุญแจได้ทั้งสองตัวเป็นเท่าใด
1. เศษ 1 ส่วน 4             2. เศษ 1 ส่วน 3         3. เศษ 1 ส่วน 2           4. เศษ 1 ส่วน 6

เฉลยข้อสอบ

แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร – วิชาภาษาไทย

1. คำประพันธ์ในข้อใดใช้ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา
1. จึงมีบัญชาปราศรัย           เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี
2. จงเร่งเข้าตีให้อัปรา           หักเอาดาหาในวันนี้
3. ยิ้มพลางทางตอบวาจา       เรายกมาแต่กรุงกุเรปัน
4. แล้วมีสีหนาทโองการ         ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า

เฉลยข้อสอบ

3. ยิ้มพลางทางตอบวาจา เรายกมาแต่กรุงกุเรปัน

2. ข้อใดสะกดถูกต้องทุกคำ
1. หากซื้อทองรูปพรรณต้องจ่ายเงินค่ากำเหน็จด้วย
2. ไฉนชายฉกรรจ์ล่ำสันจึงกลายเป็นบัณเฑาะว์ไปได้
3. พี่สาวกินอาหารมังสวิรัตทุกวันเกิดมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว
4. เพื่อนเห็นเขานั่งหลับจึงถามว่าเข้าฌาณถึงชั้นไหนแล้ว

เฉลยข้อสอบ

1. หากซื้อทองรูปพรรณต้องจ่ายเงินค่ากำเหน็จด้วย

3. ข้อใดใช้ลักษณนามเหมือนคำที่กำหนดให้ “พัด นิตยสาร ปฏิทินหลวง”
1. แว่นขยาย           หนังสือ          ธนบัตร
2. เข็มกลัด             ชะลอม           สมุด
3. ตาลปัตร             กริช               ไม้พาย
4. เทียน                 ถาด               เทอร์โมมิเตอร์

เฉลยข้อสอบ

3. ตาลปัตร             กริช               ไม้พาย

4. คํายืมภาษาต่างประเทศในข้อใดใช้ภาษาไทยแทนไม่ได้
1. อากาศร้อนอย่างนี้ฉังคงต้องเปิดแอร์
2. เขาฝึกเล่นเปียโนมาตั้งแต่อายุ 9 ปี
3. ออฟฟิศแห่งใหม่ของเราตั้งอยู่ในย่านสีลม
4. ฉันอยากให้เธอไปปาร์ตี้วันเกิดของฉันนะ

เฉลยข้อสอบ

2. เขาฝึกเล่นเปียโนมาตั้งแต่อายุ 9 ปี 

5. ข้อใดไม่ปรากฏภาพพจน์
1. ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
2. ฟ้าและดินไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
3. ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แค่ความดี
4. ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ

เฉลยข้อสอบ

4. ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ


แนวข้อสอบ สาธิตประสานมิตร – วิชาภาษาอังกฤษ

1. While all thrives ________ into my house, the police ________.
a. broken / arrived
b. broke / was arriving
c. were breaking / arrived
d. was breaking / arrive

เฉลยข้อสอบ

c. were breaking / arrived

2. Mr. Lucas ________ a winner someday if he tries and practices it very hard.
a. will become
b. becomes
c. would become
d. has become

3. Teacher: What makes you feel relaxed?
Student: ________ to my favorite songs at home. I don’t need ________ out when I don’t feel well.

a. Listen / going
b. Listening / to go
c. Listens / to go
d. Listening / go

เฉลยข้อสอบ

b. Listening / to go

4. Jonathan, who won the 1st prize on the lottery, was unhappy because ________ relatives asked him for money, and
he had ________ arguments with his parents. He says, “I feel lonely now. Life was better if I didn’t have ________ money.

a. some / a lot of / much
b. a few / many / some
c. any / many / much
d. a lot of / much / any

เฉลยข้อสอบ

a. some / a lot of / much

5. Some people say that pursuing life is ________ sailing the boat in the severe storm sometimes.
a. more tougher than
b. as tough as
c. the toughest
d. tough as

เฉลยข้อสอบ

a. more tougher than


วิชาความถนัดทางการเรียน คลิกที่นี่ –

อ่านเพิ่มเติมวิชาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ คลิกที่

อ่านเพิ่มเติมวิชาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คลิกที่นี่

ตัวอย่างข้อสอบความถนัดทางการเรียน รับไฟล์ PDF ฟรี

สามารถจัดการกับเวลาที่มีอย่างจำกัดได้

” สิ่งที่น้องพรีมได้เรียนกับวิดีโอคือสามารถจัดการกับเวลาที่มีจำกัดได้ค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็ดู เหนื่อยตอนไหนก็หยุดก่อนแล้วต่อวันหลัง สมองก็รับได้เต็มที่ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางด้วยค่ะ “

น้องพรีม

ทำให้หนูคะแนนดีขึ้น และเข้าใจมากขึ้นค่ะ

” ความประทับใจคืออาจารย์สอนได้ดีและสอนได้สนุกมากๆค่า ละเอียด ทำให้ดูเข้าใจได้มากขึ้นค่ะ ประโยชน์ที่เรียนคือทำให้หนูคะแนนดีขึ้น และทำให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ “

น้องกระเป๋า

สามารถจัดการกับเวลาที่มีอย่างจำกัดได้

” เรียนออนไลน์ที่ BigBrain สนุกมากๆครับคุณครู สอนเข้าใจง่าย เรียนตอนไหนก็ได้ครับ ดูซ้ำกี่รอบก็ได้ ทำให้ผมใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อยด้วยครับ อยากชวนเพื่อนมาเรียนด้วยกันเยอะๆนะครับ “

น้องภีม

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

ค่าเทอมโรงเรียนสาธิต

ค่าเทอมม.1 โรงเรียนสาธิต

ค่าเทอมโรงเรียนสาธิต ปทุมวัน VS ประสานมิตร ??

มีน้องๆ และผู้ปกครองหลายท่านสอบถามเข้ามาเยอะมากๆ สำหรับการวางแผนการสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิต ซึ่ง ค่าเทอมโรงเรียนสาธิต ของทั้งสองสาธิตปทุมวันและประสานมิตรก็มีค่าเทอมที่แตกต่างกันในแต่ละหลักสูตรอยู่แล้ว ก่อนที่จะไปดูค่าเทอมของทั้ง 2 โรงเรียนนี้ เราไปดูกันค่ะว่าทั้ง 2 สาธิตนี้จะมีกี่หลักสูตร และค่าเทอมแต่ละหลักสูตรนี่เท่าไรกัน?? วันนี้แอดมินรวบรวมมาให้แล้วค่าาาา

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรฝ่ายมัธยม แบ่งออกเป็น 2 หลักสูตรคือหลักสูตรปกติและหลักสูตรอินเตอร์อ่านรายละเอียดทั้ง 2 หลักสูตรได้ ที่นี่
 
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวันแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตรคือหลักสูตรปกติและหลักสูตร EP ดูรายละเอียดได้ ที่นี่

 


สรุปง่ายๆ ของทั้ง 2 สาธิต  ภาคปกติ 50,000 บาทต่อปี

ภาค EPTS และ ภาคอินเตอร์ 400,000 บาทต่อปี

สอบเข้าสาธิตปทุมวันสอบเข้าสาธิต-สอบกี่คน-รั

ค่าเทอมโรงเรียนสาธิต “ปทุมวัน”

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน หลักสูตรปกติ  น้องๆจะได้เอกสาร ” การเตรียมเอกสารและค่าใช้จ่ายในการมอบตัวนักเรียนชั้นม.1(ตามรูปด้านล่าง) ในวันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ 2564 (ปีล่าสุด) เอกสารที่น้องจะต้องเตรียมมีทั้งหมด 5 รายการ
1. บัตรเลขที่นั่งสอบ
2. สำเนาหลักฐาน แสดง การจบหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ใบระเบียบแสดงผลการเรียนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับประถมศึกษา (ปพ. 1) ปีการศึกษา 2563
3. สำเนาสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านของนักเรียน
4. สำเนาทะเบียนบ้านของบิดามารดา
5. ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆที่ต้องชำระ

ค่าเทอม โรงเรียนสาธิต
1.  ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าธรรมเนียมทั่วไป 18,000 บาท
2.  ค่าพัฒนาคุณภาพการศึกษาและกิจกรรมของนักเรียน ปีละ 15,000 บาท
3.  ค่าบำรุงสมาคมผู้ปกครองและครูสาธิตปทุมวัน 19,100 บาท
4.  ค่าธรรมเนียมสมัครสมาชิกตลอดชีพของสมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน 20,000 บาท
รวม 46,900 บาท
 
และนอกจากนั้นยังมีเพิ่มเติม  ค่าหนังสือ,ค่าสมุดค่า,กระเป๋า,ค่าเสื้อพละ, ค่าชุดนักเรียนอีก 5,415 บาท

รวมทั้งสิ้น 52,315 บาท

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน หลักสูตร EPTS  น้องๆจะได้เอกสาร ” การเตรียมเอกสารและค่าใช้จ่ายในการมอบตัวนักเรียนชั้นม.1(ตามรูปด้านล่าง) ในวันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ 2564 (ปีล่าสุด) เอกสารที่น้องจะต้องเตรียมมีทั้งหมด 5 รายการ
1. บัตรเลขที่นั่งสอบ
2. สำเนาหลักฐาน แสดง การจบหลักสูตรชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ใบระเบียบแสดงผลการเรียนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับประถมศึกษา (ปพ. 1) ปีการศึกษา 2563
3. สำเนาสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านของนักเรียน
4. สำเนาทะเบียนบ้านของบิดามารดา
5. ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆที่ต้องชำระ

ค่าเทอม ม.1 สาธิต

1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าธรรมเนียมทั่วไป 75,800 บาท
2 ค่าสมทบกองทุนพัฒนาโรงเรียน 140,000 บาท
3. ค่าบำรุงสมาคมผู้ปกครองและครูสาธิตปทุมวัน 14,100 บาท
4. ค่าธรรมเนียมสมัครสมาชิกตลอดชีพของสมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน 2,000 บาท
**รายการที่ 5.1.6 ค่าบำรุงโครงการ จะเป็น 100,000 บาท/ปี  (1 ปีมี 2 ภาคเรียน)**

รวมทั้งสิ้น 281,900 บาท

นอกจากนี้ยังมีค่าเรียน SUMMER สำหรับน้องๆที่กำลังจะขึ้นชั้นม.2  โดยไปเรียนที่ประเทศแคนาดาเป็นระยะเวลา 1 เดือนจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 150,000 บาท
(แต่ปีล่าสุด งดเดินทางเนื่องจากโควิด)

หากเข้าสู่สภาวะปกติ ก็ตีไปประมาณ 400,000 บาท ต่อปี

สอบเข้าสาธิต สอบกี่คน รับจริงกี่คน?

ค่าเทอมโรงเรียนสาธิต “ประสานมิตร”

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร หลักสูตร ปกติ  รายละเอียดค่าธรรมเนียมของโรงเรียนจะคล้ายกับของสาธิตปทุมวัน
.
ประมาณ 46,900 บาท

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร หลักสูตร SPIP  รายละเอียดค่าธรรมเนียม (ตามรูปด้านล่าง)
1. Enrollment Fee 100,000 บาท 
2. Activity support Fee 5,000 บาท 
3. Book Deposit 10,000 บาท 
4. PTA Membership 100 บาท
5. PTA Annual Fee 500 บาท
6. Annual Tuition Fee 355,000 บาท

รวม 471,600 บาท

**Bridging course 65,000 บาท (สำหรับน้องๆที่ไม่ได้มาจากภาค Inter จะต้องเรียน Bridging course เพื่อปรับพื้นฐาน

ค่าเทอม SPIP


สรุปง่ายๆ ของทั้ง 2 สาธิต  ภาคปกติ 50,000 บาทต่อปี

ภาค EPTS และ ภาคอินเตอร์ 400,000 บาทต่อปี

ข้อสอบเข้าม.1 สาธิต

สามารถจัดการกับเวลาที่มีอย่างจำกัดได้

” สิ่งที่น้องพรีมได้เรียนกับวิดีโอคือสามารถจัดการกับเวลาที่มีจำกัดได้ค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็ดู เหนื่อยตอนไหนก็หยุดก่อนแล้วต่อวันหลัง สมองก็รับได้เต็มที่ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางด้วยค่ะ “

น้องพรีม

ทำให้หนูคะแนนดีขึ้น และเข้าใจมากขึ้นค่ะ

” ความประทับใจคืออาจารย์สอนได้ดีและสอนได้สนุกมากๆค่า ละเอียด ทำให้ดูเข้าใจได้มากขึ้นค่ะ ประโยชน์ที่เรียนคือทำให้หนูคะแนนดีขึ้น และทำให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ “

น้องกระเป๋า

สามารถจัดการกับเวลาที่มีอย่างจำกัดได้

” เรียนออนไลน์ที่ BigBrain สนุกมากๆครับคุณครู สอนเข้าใจง่าย เรียนตอนไหนก็ได้ครับ ดูซ้ำกี่รอบก็ได้ ทำให้ผมใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อยด้วยครับ อยากชวนเพื่อนมาเรียนด้วยกันเยอะๆนะครับ “

น้องภีม

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เตรียมตัวยังไงให้สอบติด

เตรียมตัวยังไงให้สอบติด โรงเรียนสาธิต

1. เลือกคอร์สเรียนที่มุ่งเน้น เจาะจง และครอบคลุมเนื้อหาสำหรับสอบสาธิตโดยตรง เรียนเนื้อหาที่เข้มข้นและลึกซึ้งและครอบคลุมเนื้อหาระดับชั้นตั้งแต่ป.4-6 และเรียนเนื้อหาเนื้อเกินหลักสูตรบ้าง และน้องๆควรเลือกเรียนเพื่อนำไปใช้สอบได้จริง ทำคะแนนสอบได้พุ่งกระฉูด แต่ข้อสอบสาธิตปทุมวันก็ไม่ได้เกินหลักสูตรทุกข้อ มีทั้งเกินหลักสูตร และอยู่ในหลักสูตร (แต่ก็ซับซ้อนมากๆ)
คำถามที่ผู้ปกครองมักถามเสมอว่า เกินหลักสูตรไปถึงชั้นไหน? ม.3 เลยรึเปล่า?… บอกได้เลยว่าไม่ใช่ สำหรับข้อสอบสาธิตปทุมวัน การออกเกินหลักสูตรโดยส่วนใหญ่นั้น แม้จะออกลึกเกินเนื้อหาป.6 แต่ยังอยู่ในหัวข้อ ป.6 อยู่ (พูดง่ายๆกว่าหัวข้อยังอยู่ในป.4-ป.6 แต่ความลึกของเนื้อหาไประดับม.ต้น) ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นนักเรียน ป.6 ต้องเรียนเรื่องสามเหลี่ยม ซึ่งโดยพื้นฐาน เด็กๆมักรู้เพียงแค่สูตรหาพื้นที่สามเหลี่ยม คือ 1/2xสูงxฐาน แต่จริงๆเนื้อหาอาจออกลึกไปถึงเรื่องสามเหลี่ยมมุมฉากปีทาโกรัส หรือไปถึงเรื่องสามเหลี่ยมคล้าย ซึ่งจะสอนปกติตอนม.ต้นนั่นเอง (เลือกคอร์สเรียนที่เน้นเข้าสาธิตโดยเฉพาะ)

2. เรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญ มีเทคนิคและสไตล์การสอนเฉพาะตัว ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน การเรียนกับคุณครูที่สอนเข้สาธิตโดยเฉพาะก็เป็นอีก 1 วิธีที่น้องจะได้รับเนื้อหาที่สามารถนำไปใช้สอบได้จริง และด้วยคุณครูที่มีสไตล์ในการสอนที่น่าจดจำ น้องๆจะไม่เบื่อกับการเรียนพิเศษเลย บวกกับการมีเทคนิคการสอนใหม่ๆมาสอนน้องเสมอ บางเรื่องที่จำยากก็กลายเป็นเรื่องหมูๆในพริบตา เพิ่มคะแนนสอบของน้องได้ง่ายขึ้นแย่างน่าเหลือเชื่อ

3. จัดสรรเวลาเรียนที่มีอย่างจำกัด ให้คุ้มค่าทุกวินาที ไม่ว่าน้องๆจะเรียนพิเศษที่เป็นคลาสสดหรือคลาสออนไลน์ ก็ต้องจัดสรรเวลาที่มีอยู่ให้ดี เพราะเวลาที่เรานั่งเล่นเกมอยู่ หรือดูการ์ตูนอยู่ ก็อาจจะมีเพื่อนๆอีกไม่น้อยที่นั่งทำโจทย์หรืออ่านหนังสือทบทวนบทเรียน น้องบางคนชอบมาเรียนสด เพราะได้เจอเพื่อน มีคำถามตรงไหนก็สามารถสอบถามคุณครูได้ทันที แต่น้องคนไหนที่ไม่สะดวกเรื่องการเดินทางการเรียนออนไลน์จะช่วยให้น้องๆมีเวลาเรียนรู้ได้กว้างขึ้น เรียนที่ไหนก็ได้ ทุกเวลา ไม่ต้องเดินทางมาเรียน ทำให้ประหยัดพลังงาน แต่แน่นอนว่าทั้งสองแบบนั้นเป็นการจัดสรรและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แน่นอนค่ะ

4. ตั้งใจและทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ และอย่างกระตือรือร้น เข้าใจทุกเนื้อหาอย่างถ่องแท้ ไม่เข้าใจตรงไหน สอบถามคุณครูทันทีหากปล่อยผ่านอาจจะไปเจออีกทีในห้องสอบ และจะทำไม่ได้ พลาดคะแนนฟรีเลยนะคะหมั่นทำโจทย์อยู่เสมอ การฝึกทำโจทย์จะช่วยให้น้องๆ ได้ลองใช้สูตร เจอกับโจทย์จริงๆ ได้ลองทำโจทย์บ่อยๆ หลายๆ แบบน้องๆจะเริ่มมีเทคนิคและสามารถพลิกแพลงแก้โจทย์ที่หลากหลายได้ด้วยตัวเอง เวลาลงสู่สนามสอบจริงจะได้มั่นใจในการทำข้อสอบสุดๆไปเลย

5. สร้างแรงบันดาลใจให้น้องเรียนออนไลน์อย่างมีเป้าหมาย มีของรางวัลเล็กๆน้อยๆให้ได้ผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่ง ที่จะส่งเสริมให้น้องเกิดมีแรงจูงใจ ถึงจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ย่อมทำให้น้องเกิดความตั้งใจ และมีกำลังใจที่จะเรียนมากขึ้น


บทสัมภาษณ์ Exclusive.. เผยเคล็ดลับขั้นเทพ เตรียมตัวยังไงให้สอบติด สาธิตประสานมิตร โดยพี่นัท และพี่ซัน ผู้สอบติดประสานมิตรมาแล้ว

เตรียมตัวยังไงให้สอบติด

Bigbrain  : แนะนำตัวเองกันหน่อยจ้า

ซัน  : ผมชื่อเด็กชายพิชภพ บุนนาค จบชั้น ป.6 จากสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงปัจจุบันเรียน ม.1 โรงเรียน สาธิตประสานมิตร หลักสูตรอินเตอร์ครับ
นัท  : หนูชื่อเด็กหญิงณัฐวดี เชาอณาจิน มาจากโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์  ตอนนี้เรียน ม.1 โรงเรียน สาธิตประสานมิต หลักสูตรปกติค่ะ


Bigbrain  : ได้เรียนที่ สาธิตประสานมิตรมาจะครบปีแล้วรู้สึกชอบอะไรในโรงเรียนนี้บ้าง

ซัน  : ผมชอบที่โรงเรียนนนี้เป็นโรงเรียนชิวๆอ่าครับ ไม่มีกฏระเบียบมากมาย ไว้ผมยาวได้ เถียงครูได้(ล้อเล่นนะครับ 55)แล้วก็มีกิจกรรมเยอะทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ
นัท : ส่วนนัทประทับใจอาจารย์ที่นี่มากคะ อาจารย์ที่นี่ใส่ใจดูแลเด็กนักเรียนดีมากกกกก  แล้ววิชาการที่นี่ก็สอนเข้มข้นมาก เพราะเคยลองเอาหนังสือเรียนที่นี่ไปเปรียบเทียบกับเพื่อนในโรงเรียนอื่นที่ สาธิตประสานมิตรสอนเข้มกว่ามากคะ


Bigbrain  : แล้วทำไมถึงอยากสอบเข้า สาธิตประสานมิตร

ซัน  : เดิมผมเรียน EP มาอยู่แล้วฮะ พอจะสอบเข้า ม.1 ก็เลยอยากเรียนที่เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษต่อ แล้วพอเสิร์ชหาข้อมูลแล้วเจอสาธิตประสานมิตรที่เป็นโรงรียนสาธิตที่เปิดหลักสูตร inter แบบจริงจังเป็นที่แรก ผมคิดว่ามันน่าจะเจ๋งมากก็เลยอยากมาเรียนที่นี่

Bigbrain  : บร๊ะะ !!! แล้วนัทล่ะจ๊ะทำไมถึงอยากสอบเข้าที่นี่จ๊ะ

นัท : หนูได้ยินจากรุ่นพี่หลายๆคนเล่าให้ฟังว่าโรงเรียนนี้วิชาการดีมาก ครูดี สังคมดี แล้วแม่ก็อยากให้เข้าที่นี่ด้วยเพราะเดินทางสะดวก หนูก็เลยเริ่มตั้งใจเริ่มเตรียมตัวสอบตั้งแต่ ป.5 เลยค่ะ


Bigbrain  : แล้วพวกเราแต่ละคนมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ซัน  : ปกติผมเรียนพิเศษมาตลอดอยู่แล้วครับ แต่เรียนแบบเรื่อยๆชิวๆไม่ซีเรียสอะไรมากแต่พอมาได้เรียนกับครูชัยตอน  ป.6 ที่ Bigbrain ก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น เรียนพิเศษหนักขึ้น อย่างวันเสาร์ก็เรียนที่ Bigbrain ประจำ วันอาทิตย์ก็ต้องออกมาเรียนคอร์สภาษาอังกฤษสำหรับสอบเข้า inter อีก นี่ยังไม่นับเรียนพิเศษที่อื่นอีกนะครับ
นัท : ส่วนหนูเริ่มเรียนพิเศษจริงๆตอน ป. 5 ค่ะ ก็เรียนทุกวิชาที่ใช้สอบเลยแล้วก็ลองเรียนมาหลายที่ แต่พอมาเจอที่นี่ก็ชอบมากคะ แล้วก็ตอน ป.6 ก็เรียนที่นี่มาโดยเป็นหลักตลอด แล้วก็ต้องอ่านหนังสือทุกวันเหมือนกัน หนูจะตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ อ่านหนังสือหนึ่งชั่วโมงในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ตอนเย็นกลับมาก็รีบทำการบ้าน รีบอาบน้ำทานข้าว ก็จะมีเวลาอ่านอีก 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน


Bigbrain  :  แล้วมารู้จัก Bigbrain ได้ไงเอ่ย?

ซัน  : พอผมอยากสอบเข้า สาธิตประสานมิตรอย่างจริงจัง ก็เลยเสิร์ช google หาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบมากขึ้น แล้วพอดีได้ เห็นเว็บ bigbrain ขึ้นเป็นเว็บแรก  ก็เลยคลิ๊กเข้ามาอ่านดู เห็นข้อมูลแน่นมากแล้วก็คอร์สน่าเรียนมาก ก็เลยขอแม่ลองมาสมัครเรียนดูครับ
นัท : ส่วนหนูจริงๆ หนูไม่รู้จักที่นี่อ่าคะ พอดีแม่อยากรู้ว่าปกติโรงเรียนสาธิตจะสอบกี่วิชาบ้าง ก็เลยลอง เสิร์ชหาข้อมูลดู ก็เจอเว็บ bigbrain เหมือนกันก็เลยคลิ๊กเข้ามาดู แล้วพอดีตอนนั้นที่โรงเรียนจัดสัมมนาผู้ปกครองอะไรสักอย่างอยู่พอดี แม่ก็เลยมานั่งฟัง แล้วคุณแม่ชอบมากเลยกลับมาบอกหนู ให้หนูมาเรียนที่นี่


Bigbrain  : คิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราสอบเข้า สาธิตประสานมิตรได้

ซัน  : ความอดทนครับ ผมว่าถ้าจะเรียมตัวสอบแบบเอาจริง มันจะเหนื่อยมาก ซึ่งต้องใช้ความอดทนมาก ถ้าเราอดทนสามารถจนถึงจุดหนึ่งได้จนสอบติดได้ มันก็คุ่มค้า เหนื่อยแต่มันก็คุ้มครับ
นัท : หนูว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แรงบันดาลใจคะแรงบันดาลใจที่เราอยากจะสอบได้จริงๆ ถ้าเรามีสิ่งนี้ เวลาไปเรียนพิเศษเราก็อยากจะตั้งใจเรียน เวลากลับบ้านเราก็อยากจะอ่านหนังสือ เวลาเหนื่อยก็จะมีกำลังใจอ่านหนังสือต่อค่ะ


เตรียมตัวยังไงให้สอบติด

Bigbrain  :  สุดท้ายมีอะไรฝากถึงน้องๆที่อยากเข้าสาธิตประสานมิตรบ้าง

ซัน  : ก็อยากเชิญชวนน้องๆให้มาสอบโรงเรียน สาธิตประสานมิตรกันเยอะๆนะครับเพราะเป็นโรงเรียนที่ดีจริงๆ โดยเฉพาะหลักสูตร inter เรียนที่นี่เหมือนได้เรียนที่อังกฤษเลย แบ่งเป็น 3 เทอมเหมือนกัน หลักสูตรเหมือนกันทุกประการ เรียนที่นี่แล้วแฮปปี้มากครับ
นัท : ใช่คะ เรียนที่นี่มีความสุขมาก ทำให้หนูอยากไปโรงเรียนทุกวันเลย ส่วนเรื่องการเตรียมตัว ก็อยากฝากน้องๆว่า การเลือกที่เรียนพิเศษต้องเลือกที่ดีๆ ส่วนตัวยอมรับว่าเรียนพิเศษมาหลายที่ตั้งแต่เด็ก แต่ที่สอนไม่ตรงแนวข้อสอบทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ แต่พอหนูมาเรียนที่นี่แล้วเอาไปใช้สอบหนูพูดได้เลยว่าที่นี่สอนตรงมากคะ แล้วที่ครูชัยย้ำกับพวกเราเสมอคือ เวลาเรียนพิเศษการตั้งใจเรียนในห้องว่าสำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือการกลับไปทบทวนบทเรียนทุกเรื่องที่บ้าน โจทย์เลขก็ต้องกลับไปทำซ้ำทุกข้อ ยิ่งเรื่องยากต้องกลับมาทำซ้ำบ่อยๆ นี่แหละค่ะเคล็ดลับของหนู ขอให้น้องทุกคนโชคดีนะคะ แล้วเจอกันที่โรงเรียนค่ะ


พี่แพงเผยเคล็ดลับขั้นเทพสู่รุ่นน้อง….. ทำอย่างไรให้สอบติดสาธิตปทุมวัน

Bigbrain  : แนะนำตัวเองกันหน่อยจ้า

แพง  : ชื่อเด็กหญิงแพงพธู โนวังหาร มาจากโรงเรียนเอกบูรพาวิเทศศึกษา สอบติด ม.1 โรงเรียนสาธิตปทุมวันหลักสูตรปกติค่ะ


Bigbrain  : ความประทับใจที่ได้เรียนที่ BigBrain

แพง  : การได้เรียนที่ Big Brain คุณครูสอนเข้าใจทุกท่านเลยค่ะ ใจดี แถมมีเคล็ดลับดีๆ สำหรับการสอบเขาสาธิตค่ะ แพงเรียนที่นี่ตั้งแต่ป.5 ตั้งแต่คอร์ส Fundamental จนถึงคอร์สตะลุยโจทย์เลยค่ะ ตั้งใจเรียนตลอดค่ะ มาทำความฝันให้เป็นจริงกับ Big Brain กันนะคะ


Bigbrain  : มีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างถึงสอบติดสาธิต

แพง  : หลักๆเลยก็เรียนพิเศษกับที่บิ๊กเบรนค่ะ เพราะว่าไม่ได้เรียนพิเศษที่อื่นเลยค่ะ ปกติจะเข้าเรียนทุกครั้งที่มีเรียนเลยค่ะ ใกล้สอบก็จะอ่านหนังสือทบทวนทุกเล่ม และทุกคอร์สของบิ๊กเบรนเลยค่ะ ตอนเย็นกลับมาก็รีบทำการบ้าน แล้วคุณแม่ก็ชอบหาโจทย์มาให้ทำบ่อยๆทุกวัน เพราะว่าหากเราได้ฝึกทำโจทย์ที่หลากหลายแนว เวลาเจอข้อสอบของจริง เวลาโจทย์ถามแนวไหนก็จะได้ทำได้ หลังทำโจทย์เสร็จก็จะมีเวลาเล่นเกมนิดหน่อยค่ะ


Bigbrain  :สุดท้ายมีเคล็ดลับอะไรให้น้องๆบ้างคะลูก ( เดี๋ยวน้องๆจะได้เรียนกันต่อแล้วค่า >< )

แพง  : เคล็ดลับของแพงก็คือตั้งใจเรียนที่โรงเรียน และตั้งใจฟังที่พี่ๆสอนที่บิ๊กเบรนค่ะ เพราะข้อสอบก็ออกจากเนื้อหาที่เรียนเลยค่ะ ทบทวนและอ่านหนังสือบ่อยๆ หาโจทย์มาทำเพิ่มเติมเยอะๆ หากมีคำถามก็สอบถามคุณครูได้เลยค่ะ

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

4 สนามสอบเข้าม.1

สนามสอบที่ 1 สาธิตปทุมวัน (จาก 4 สนามสอบเข้าม.1)

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน เป็น 1 ใน 4 สนามสอบเข้าม 1 สนามแรก
ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนอังรีดูนังต์ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นสนามสอบแรกที่น้องๆ หรือคุณพ่อ คุณแม่ มีความตั้งใจจะสอบเข้ากันอย่างมากมาย ทําให้อัตราการแข่งขันโรงเรียนนี้สูงมากๆ ปกติแต่ละปีนักเรียนสมัครสอบ 2,500 – 4,000 คน (บางปีพีคๆสูงถึง 4,300 คน) จากจํานวนรับ 120 คน สัดส่วนการแข่งขันอยู่ที่ 1:35 โดยประมาณ อัตราการแข่งขันสูงขนาดนี้ น้องๆ ที่ต้องเตรียมตัวสอบโรงเรียนนี้ จึงมัก เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่ป.4 ป.5 กันเลยทีเดียว ปัจจุบันโรงเรียน หลักสูตรการเรียนการสอนจํานวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรปกติ และ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ในโครงการ นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษภาคภาษาอังกฤษ (English Program for Talented Students หรือ EPTS) ซึ่งวิชาที่ใช้สอบภาคปกติจะใช้สอบแค่ 4 วิชาเท่านั้น คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และสังคมศึกษา ส่วนภาคภาษาอังกฤษ (EPTS) จะใช้สอบถึง 5 วิชา ด้วยกันคือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ

สนามสอบที่ 2 สาธิตประสานมิตร (จาก 4 สนามสอบเข้าม.1)

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ตั้งอยู่เลขที่ 174 ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันโรงเรียนมีหลักสูตรการเรียนการสอนจํานวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรปกติ และ หลักสูตรนานาชาติ (Satit Prasarnmit International Programme หรือ SPIP) ซึ่งวิชาที่ใช้สอบภาคปกติจะใช้สอบทั้งหมด 5 วิชาคือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความถนัดทางการเรียน และในปี 2561 เป็นต้นมา ข้อสอบสอบเข้าม.1 จะมีวิชาหนึ่งเข้ามาด้วยนั้นคือ วิชา “ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ทําให้วิชาที่ใช้สอบทั้งหมดจะเป็น 6 วิชา ส่วนภาคนานาชาติ (SPIP) จะใช้สอบ ทั้งหมด 3 วิชาคือ SCIENCES MATHEMATICS ENGLISH

4 สนามสอบเขาม.1

สนามสอบสองสนามแรกถือเป็นสนามสอบที่มีอัตรา การแข่งขันเป็นอันดับต้นๆของไทยเลยก็ว่าได้ คือ โรงเรียนสาธิตปทุมวัน และโรงเรียนสาธิตประสานมิตร ซึ่งทั้ง 2 โรงเรียนมีจุดที่เหมือนกันคือเป็นโรงเรียนใน สังกัด มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเหมือนกัน แต่ นอกนั้นแตกต่างกันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร จัดการแยกกัน ส่วนในด้านของการสอบเข้า ทั้งสอง โรงเรียนจะใช้วิชาสอบที่แตกต่างกัน รวมถึงหลักสูตรที่ เปิดสอนก็จะแตกต่างกัน

สนามสอบที่ 3 ห้องเรียนพิเศษ

โรงเรียนที่อยู่ในสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ว่าจะเป็น Gifted EP GATE IEP ฯลฯ ซึ่งแต่ละ โรงเรียนก็จะมีห้องเรียนพิเศษไม่เหมือนกัน อย่างเช่น โรงเรียนสวนกุหลาบก็จะมีทั้ง ภาค Gifted และ ภาค EP ซึ่งทั้ง 2 ภาค จํานวน นักเรียนที่รับก็จะไม่เหมือนกัน วิชาที่ใช้สอบก็แตกต่างกันด้วยอย่างภาค Gifted ใช้สอบ 4 วิชา คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย สัดส่วนคะแนนแต่ละวิชาก็ไม่เท่ากัน จะอยู่ที่ 40 : 40 : 10: 10 ส่วนภาค EP จะสอบเพียง 3 วิชา คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ แต่มีเพิ่มการสอบสัมภาษณ์อ่าน/ตอบโต้ได้ ซึ่งสัดส่วนคะแนนแต่ละวิชาก็ไม่เท่ากัน จะ อยู่ที่ 25 : 25 : 40 : 10 ส่วนโรงเรียนอื่นๆก็จะมีห้องเรียนพิเศษอื่นๆที่แตกต่างกันไป แต่ทุกโรงเรียนจะมีการสอบคัดเลือกในวันเดียวกัน เพื่อป้องกันการสมัครสอบทุกโรงเรียน และอาจจะมีการสละสิทธิ์ที่นั่งเรียนเกิดขึ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกโรงเรียนที่จะสอบให้ดี ว่ามีหลักสูตรไหนเปิดสอนบ้าง เพื่อเตรียมตัวสอบในสนามสอบที่ 3 นี้อย่างมั่นใจ

สนามสอบที่ 4 ห้องเรียนปกติ

เป็นสนามสอบสุดท้ายของน้องๆชั้นป.6 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทุก โรงเรียนจะมีการสอบคัดเลือกในวันเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งรอบนี้จะมีแบ่งนักเรียนเป็น 4 ประเภท คือ
1. นักเรียนในเขตพื้นที่บริการ คือ นักเรียนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน อย่างน้อย 2 ปี นับถึงช่วง เดือนพฤษภาคม และต้องอาศัยอยู่กับบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เป็นเจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้าน (ผู้ปกครองควรโทรสอบถามกับทาง โรงเรียน เพื่อตรวจสอบว่าที่อยู่ของน้องอยู่ในเขตพื้นที่บริการหรือไม่)
2. นักเรียนทั่วไป คือ นักเรียนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่บริการ หรือนอกเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน
3.นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ
4.นักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ
การที่ได้รู้ว่าเราเป็นนักเรียนประเภทใดจะทําให้คุณพ่อคุณแม่สามารถวางแผนเตรียมความพร้อมได้ถูกต้อง ถ้าเป็นนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ หรือมีเงื่อนไขพิเศษ การรับนักเรียนจะขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณารับนักเรียนของคณะกรรมการรับนักเรียนระดับ โรงเรียน โดยแต่ละโรงเรียนอาจจะมีแผนการรับนักเรียนกลุ่มนี้แตกต่างกันไป

>>> น้องๆ ป.6 จะมีโอกาสสอบทั้งหมด 4 สนามสอบเข้าม.1 ด้วยกัน เพราะสนามสอบที่ 1 2 3 และ 4 วันที่สอบจะไม่ตรงกันเลยใน แต่ละสนาม ซึ่งสนามสอบโรงเรียนสาธิตปทุมวัน และโรงเรียนสาธิตประสานมิตรถือว่าเป็นสองสนามแรกที่เด็กๆทุกคนใฝ่ฝันและอยาก สอบเข้ามากที่สุด ข้อสอบหินมากๆ ทั้งความซับซ้อนของโจทย์ รวมถึงเป็นโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงมากๆ เมื่อเทียบกับสนาม สอบที่ 3 และ สนามสอบที่ 4 ซึ่งจะจัดสอบก่อนเลยประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และจะประกาศผลก่อนเสมอ ดังนั้นน้องๆจะมีโอกาสสอบ ทั้ง 4 สนามกันเลย เพราะฉะนั้นหากน้องๆ หรือคุณพ่อวางแผนสอบเข้าโรงเรียนไหน หลักสูตรไหน ควรเตรียมตัวน้องๆที่ต้องอาศัยการ สอบคัดเลือกเพื่อเป็นใบเบิกทางเข้าสู่โรงเรียนที่ใฝ่ฝัน เตรียมพร้อมความรู้ในวิชาที่ใช้สอบให้ถูกต้อง ไม่ลืมอ่านในวิชาที่ควรอ่าน และ ไม่อ่านวิชาที่ไม่จําเป็นต้องใช้จนเสียเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่สําคัญ และห้ามพลาดโดยเด็ดขาด


ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

คะแนนพรีเทสบอกอะไรได้บ้าง ?

คะแนนพรีเทสบอกอะไรได้บ้าง ?

ในกรณีของป.4-ป.5 นั้น คะแนนพรีเทสบอกอะไรได้บ้าง ? การสอบ Pretest นั้น จะช่วยประเมินให้น้องๆว่ามีวิชาไหนดี วิชาไหนไม่ดี จะได้วางแผนการเตรียมตัวสอบให้แก้ไขได้ทันการ รวมถึงเทียบคะแนนกับกลุ่มใหญ่ว่าตนเองอยู่ลำดับประมาณไหนส่วน ป.6 แล้ว หลังจากประกาศผลน้องๆจะมีเวลาในช่วงโค้งสุดท้ายประมาณ 10-20 วันที่จะเสริมจุดแข็ง ลดจุดอ่อนในวิชาที่ทำคะแนนได้ไม่ดี รวมถึงช่วยประเมินโอกาสว่าน้องมีโอกาสสอบเข้ามากน้อยเพียงใด ถ้าโอกาสสอบได้ค่อนข้างน้อย ก็จะได้เปลี่ยนเป้าหมายไปเน้นเข้าโรงเรียนอื่นแทนการประกาศผลสอบ Pretest นั้นจะประกาศทั้งคะแนนดิบ คะแนนรวม T-Score ลำดับที่ ทั้งแยกแต่ละรายวิชาและรวมทุกวิชาน้องๆจะสามารถทราบได้ทันทีเลยว่า วิชานี้น้องเตรียมตัวมาดีพอแล้วหรือยัง วิชาไหนเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข วิชาไหนเป็นจุดแข็งที่โอเคแล้วถ้าถามว่าเวลาแค่ไม่ถึงเดือน แก้ไขทันหรอ? คำตอบคือถ้าทำเต็มที่ อะไรๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้นล่ะครับ ยกตัวอย่างเช่นน้องคนนึงเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เขาพรีเทสต์ได้ที่ 400 กว่าๆ (หมายถึงไม่ติด เพราะจำนวนรับเพียง 120) เขาก็สามารถใช้เวลาที่เหลือในการปรับปรุงตนเอง กระทั่งเวลามาสอบจริงได้ที่ 10 กว่าๆ (ซึ่งถือว่าเก่งอัจฉริยะมากๆ)

คะแนนพรีเทสบอกอะไรได้บ้าง

7 คำถามยอดฮิต สอบ PRE TEST สาธิต ยังไง?

1. สอบวิชาอะไรบ้าง?
– โรงเรียนสาธิตปทุมวัน :: เด็กทุกคนสามารถ สอบวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ แต่ถ้าสอบจริง
ภาคปกติ สอบ 4 วิชา คือวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา
ภาค EPTS สอบ 5 วิชา คือวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ

– โรงเรียนสาธิตประสานมิตร :: สอบทั้งหมด 6 วิชา คือสอบวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และความถนัดทางการเรียน
วันสอบจริงก็สอบ 6 วิชานี้เช่นกัน

2. เด็กชั้นป. ไหน สอบได้บ้าง?
โรงเรียนสาธิตปทุมวัน และสาธิตประสานมิตร
สามารถสอบได้ตั้งแต่ชั้น ป.4 – ป.6

3. สมัครที่ไหน ?
– สาธิตปทุมวัน ดาวน์โหลดใบสมัคร https://www.satitpatumwan.ac.th
วันที่รับสมัคร (ยื่นเอกสาร) *นักเรียนไม่จำเป็นต้องไปก็ได้*

– สาธิตประสานมิตร สมัครทางเว็บไซต์ https://www.spsm.ac.th/home/
สมัครออนไลน์ ปริ้นสลิปจ่ายเงินที่ธนาคารกรุงไทย
และเข้าเว็บเพื่อไปปริ้นบัตรประจำตัวผู้สอบ

4. ข้อสอบ Pre test เหมือนข้อสอบจริงไหม?
ไม่เหมือนข้อสอบจริงทั้งสองโรงเรียน เพราะถ้าข้อสอบจริง เอาข้อสอบ Pre-test มาออก เด็กที่สอบ Pre-test ก็จะรู้ข้อสอบก่อน และได้เปรียบเด็กที่ไม่ได้มาสอบ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ จำนวนข้อสอบ แนวข้อสอบ ระดับความยาก การประยุกต์ความซับซ้อนของโจทย์ จะใกล้เคียงกัน อาจจะยากกว่า หรือง่ายกว่า แค่ในบางข้อเท่านั้น

5. ถ้าสอบได้คะแนนดี/ไม่ดี มีผลต่อการสอบเข้าไหม?
ไม่มีผลต่อการสอบเข้า ต่อให้น้องได้ที่1 ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนจะรับเข้าม.1 เลย เป็นการทดลองสอบเบื้องต้นเท่านั้น แต่สาธิตประสานมิตรจะมีการแจกทุนการศึกษา โล่ และเกียรติบัตร ให้กับนักเรียนที่ได้คะแนนดี

6. น้องอยู่ป.4 ป.5 ให้ไปสอบดีไหม?
การไปสอบ Pre test

– น้องๆจะได้ลองสนามสอบที่ใกล้เคียงของจริง พบกลุ่มเด็กที่สอบแข่งขันจริงๆ ได้ทำข้อสอบที่เป็นระดับสอบเข้า เพราะเด็กบางคนอยู่ ป.4 หรือ ป.5 แต่เรียนจบเนื้อหา ป.6 แล้ว ก็สามารถประเมินความรู้ของน้องได้ว่าน้องทำข้อสอบได้มากน้องเพียงใด

– น้องได้เห็นบรรยายกาศสถานที่ของโรงเรียน เพราะเด็กบางคนอยากเข้าโรงเรียนโน้นนี่นั้น อาจเป็นเพราะด้วยสถานที่ ห้องเรียน สิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆ

– น้องๆจะได้ลองทำข้อสอบที่เป็นการฝนลงคำตอบเป็นครั้งแรก เพราะที่โรงเรียนของน้องส่วนใหญ่ ข้อสอบจะเป็นการเขียน การกากบาท เป็นช้อย แต่ในสนามสอบเข้าจริงๆจะเป็นการฝนคำตอบด้วยดินสอ 2B ทั้งหมด และตรวจด้วยคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้น เทคนิคการฝน การลบ ก็เป็นเรื่องที่น้องๆต้องรู้ ว่าฝนไปทำข้อสอบไป หรือค่อยมาฝนคำตอบทีเดียวตอนทำข้อสอบเสร็จ ลบกระดาษสะอาดไหม? ฝนเต็มวงหรือไม่? ซึ่งส่งผลต่อคะแนนที่ออกมาได้

– ได้ทราบว่าน้องๆได้คะแนนวิชาไหนเท่าไหร่ เด็กบางคนได้คะแนนที่โรงเรียนอยู้ในระดับกลาง แต่มาสอบกลับได้คะแนนดี หรือบางคนที่โรงเรียนคะแนนดีแต่มาสอบกลับได้คะแนนน้อย น้องๆจะได้รู้ว่าต้องพัฒนาอ่านหนังสือเพิ่มเติมในเนื้อหาวิชาไหนเป็นพิเศษ

แต่ก็จะมีน้องบางคน ขวัญเสียจากการสอบ เช่น เจอข้อสอบยาก ไม่ทำ ไม่อ่าน ไม่อยากสอบแล้ว หนูทำไม่ได้ ผมไม่อยากทำครับ แล้วพาลไม่อยากสอบเข้าโรงเรียนนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะยาก เพราะทำไม่ได้ แต่บางสิ่งที่ยากที่ท้าทาย สิ่งนั้นจะทำให้เราเจริญเติบโต ต้องก้าวออกจาก comfort zone ของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องพูดคุย รวมถึงให้กำลังใจน้อง

7. คะแนน Pre test บอกอะไรได้บ้าง
– สำหรับน้องป.4 ป.5 สามารถดูพัฒนาการการทำข้อสอบได้คะแนนดีกว่าปีก่อนๆไหม และรวมถึงความรู้ที่น้องๆบางคนอาจจะเรียนบางวิชา ถึงเนื้อหา ป.6 หรือมัธยมแล้ว แต่พอทำข้อสอบแล้วได้คะแนนน้อย อาจจะเพิ่มเติมในส่วนของโจทย์ปัญหาในวิชานั้นๆ ที่เจาะลึกลงไปอีก โจทย์ที่ซับซ้อน คิดหลายขั้นตอนมากขึ้นกว่าเดิม
.
– สำหรับน้องป.6 สามารถโอกาสการสอบติดได้คร่าวๆ ว่ามี% มากน้อยแค่ไหน หรือควรเร่งสปีดอ่านวิชาอะไรในช่วงโค้งสุดท้ายนี้
โดยปกติ น้องที่ติดอยู่ในลำดับที่ 1-200 ก็จะมีลุ้นค่อนข้างเยอะ
แต่ไม่ได้หมายความว่า น้องที่ได้ลำดับที่มากกว่า 200 จะไม่มีโอกาสสอบติด


แต่โดยปกติเราจะดูที่ค่า T-score ของแต่ละวิชากันมากกว่า ถ้าได้เกิน70 ก็ถือว่าน้องทำวิชานั้นๆได้ดีมากๆแล้ว แต่ถ้า T-score ทุกวิชาเกิน 80 ส่งผลให้ T รวมเกิน 80 ใช้คำว่าน้องสอบติดชัวร์ก็ว่าได้
(อ่านเรื่อง ค่า T-score เพิ่มเติมได้ ที่นี่ )

คะแนนพรีเทสบอกอะไรได้บ้าง ควรไปสอบไหม

รู้แล้วว่า ” คะแนนพรีเทสบอกอะไรได้บ้าง ? “ และ ” น้องควรไปสอบพรีเทสไหม ? “

หากพูดง่ายๆ การสอบพรีเทสก็คือการซ้อมสอบเสมือนจริงนั่นเอง
– ข้อสอบเสมือนจริง (ออกโดยคนออกข้อสอบเดียวกับข้อสอบจริง)
– จำนวนข้อเหมือนจริง
– บรรยากาศเหมือนจริง
– สถานที่จริง
และที่สำคัญที่สุด คือ ตัดคะแนนแบบเสมือนจริงเลย มีการคิดคะแนนเป็น T-Score และ Ranking คะแนนเหมือนสอบจริงเด๊ะๆ
การสอบ Pretest สาธิตปทุมวันนั้น โดยปกติทางโรงเรียนจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมหรือช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และจะประกาศผลสอบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนสาธิตประสานมิตรนั้นโดยปกติทางโรงเรียนจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม และประกาศผลประมาณช่วงปลายเดือนมกราคม

และถามว่า Pretest สาธิตปทุมวัน จำเป็นต้องสอบหรือไม่ คำตอบคือไม่จำเป็น เนื่องจากไม่มีผลใดๆต่อการสอบเข้าทั้งสิ้น สอบก็ได้ไม่ต้องสอบก็ได้ แต่ถ้าถามว่าควรไปสอบหรือไม่ ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยครับ ว่าควรแน่ๆ (ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป)

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

SPIP (อินเตอร์สาธิตประสานมิตร)

SPIP (Satit Prasarnmit International Program)

SPIP คืออะไร? SPIP ย่อมาจาก (Satit Prasarnmit International Program) หรือโรงเรียนสาธิตประสานมิตร หลักสูตรนานาชาติ

  • SPIP มีรูปแบบการเรียนการสอนอย่างไร?
    SPIP สอนตามหลักสูตรของ Cambridge ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รู้จักของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกหลายแห่งทั้งในในสหรัฐอเมริกาสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย เยอรมัน และอีกนานาประเทศ นอกจากนี้ SPIP ยังได้รับการรับรองให้สามารถจัดสอบ Cambridge IGCSEs, A Level และ Cambridge Checkpoint ได้ ซึ่ง Cambridge IGCSEs ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของไทยให้เทียบเท่ากับ “ประกาศนียบัตรระดับชั้นมัธยมศึกษา” เปิดสอนตั้งแต่ระดับ Year 7 – 12 รูปแบบการเรียนจะเป็นระบบของ IGCSE ซึ่งภาคเรียนของ โรงเรียนสาธิตประสานมิตรหลักสูตรนานาชาติ (SPIP) จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคเรียน 
    – Term 1 : August-December
    – Term 2 : January-April
    – Term 3 : April-July
    – Bridging Course : May-July
    – Overseas Summer School : July-August
  • SPIP เหมาะกับลูกเราไหม?
    SPIP ตอบโจทย์ผู้ปกครองที่อยากให้ลูกๆของท่านได้ใกล้ชิด และได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักรวมถึงได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบของชาวต่างชาติ ที่มุ่งเน้นให้เด็กๆได้เรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเติบโตสมวัย และมีความกล้าคิด กล้าแสดงออกควบคู่ไปกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ หรือมหาวิทยาลัยชั้นนำ หลักสูตร International program ของไทย
  • ค่าใช้จ่ายต่อปีของ SPIP ประมาณเท่าไหร่?
    Enrollment Fee 100,000 บาท (จ่ายครั้งเดียว)
    Activity support Fee 5,000 บาท (จ่ายครั้งเดียว)
    Tuition Fee 350,000 บาท
    Book Deposit 10,000 บาท
    Bridging course 65,000 บาท (สำหรับน้องๆที่ไม่ได้มาจากภาค Inter จะต้องเรียน Bridging course เพื่อปรับพื้นฐาน)
    รวมค่าใช้จ่ายปีแรก และ Bridging course เท่ากับ 530,000 บาท
SPIP (Satit Prasarnmit International Program)
Key Stage (Year 7/8/9)
Enrollment Fee100,000 THB(Once off payment)
Activity support Fee 6,000 THB(Once off payment)
Book Deposi (Once off payment)10,000 THB(Once off payment)
PTA Membership100 THB(Once off payment)
PTA Annual Fee500 THB
Annual Tuition Fee355,000 THB
Total471,600 THB
  • การเทียบชั้นเรียนภาคไทย และ SPIP (สหราชอาณาจักร)
    ประถมศึกษาปีที่ 5 = Year 6
    ประถมศึกษาปีที่ 6 = Year 7
    มัธยมศึกษาปีที่ 1 = Year 8
  • SPIP รับกี่คนต่อปี
    Year 7 รับ 30-40 คน
    Year 8 รับ รับ 30-40 คน
    จำนวนรับต่อปีไม่เท่ากัน ขึ้นกับจำนวนห้องที่เปิด และจำนวนนักเรียนเดิมที่เลื่อนชั้นขึ้นมา
  • เกณฑ์คุณสมบัติการเข้าสอบคัดเลือกระหว่าง Year 7 และ Year 8
    Year 7 (Cambridge Lower Secondary)
    – ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรไทยภาคปกติ หรือภาค EP ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
    – ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอเมริกันระดับ Grade 5
    – ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอังกฤษระดับ Grade 6
    Year 8 (Cambridge Lower Secondary)
    – ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรไทยภาคปกติ หรือภาค EP ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
    – ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอเมริกันระดับ Grade 6
    – ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอังกฤษระดับ Grade 7
  • เกณฑ์การสอบคัดเลือก
    การสอบเข้า SPIP นั้น จะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ ได้แก่ การสอบข้อเขียน ที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการอ่าน การฟัง การเขียน อีกทั้งยังรวมไปถึงการสอบวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์อีกด้วย และอีกส่วนจะเป็นการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับการสอบนี้ ทางโรงเรียนต้องการวัดทักษะภาษาอังกฤษด้านการสื่อสาร การตอบคำถาม ทั้งนี้ในเรื่องของความคิด มุมมองและไหวพริบในการตอบก็มีผลต่อการพิจารณาด้วยเช่นกัน
    ข้อสอบคัดเลือกทั้งหมดออกเป็นภาษาอังกฤษวิชาที่ใช้สอบ มี 3 วิชา ได้แก่
    – MATHS เกณฑ์สอบผ่าน > 60% เป็นข้อสอบเขียน มีทั้งข้อใหญ่และข้อย่อย 
    – SCIENCES เกณฑ์สอบผ่าน > 60% เป็นข้อสอบเขียน มีทั้งข้อใหญ่และข้อย่อย 
    – ENGLISH เกณฑ์สอบผ่าน > 70% Reading, Writing, Listenning, Speaking
  • การสอบสัมภาษณ์
    – คำถามปีที่ผ่านมาจะเป็นคำถามทั่วๆไป เช่นการเรียนที่ผ่านมาของน้อง, น้องถนัดหรือไม่ถนัดวิชาใด, ความคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับโรงเรียน, ความพร้อมของผู้ปกครองในการสนับสนุนบุตรหลาน
    – ในการสัมภาษณ์หากน้องๆไม่แน่ใจว่าจะตอบเป็นภาษาอะไรดี เพื่อความชัวร์คุณครูแนะนำให้สอบถามกรรมการก่อนตอบคำถาม (เราเตรียมความพร้อมทั้ง 2 ภาษาไปเลยค่ะ 😊)
    – น้องๆควรแสดงความกระตือรือร้นในการตอบ /การแสดงความคิดเห็น ไม่ต้องกังวลเรื่อง grammar แค่ขอให้มีความมั่นใจ และมีความกล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าตอบไว้ค่ะ
    – ผู้ปกครองหากไม่สะดวกตอบเป็นภาษาอังกฤษ สามารถตอบเป็นภาษาไทยได้นะคะ
    – แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย น่ารักสมวัย + พกรอยยิ้มและความมั่นใจไปให้เต็มร้อยค่ะ

สุดท้ายนี้คำถามปีนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรทีมคุณครูและแอดมินขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ❤️

  • เปิดรับสมัครสอบเข้าประมาณช่วงไหน
    กรอกใบสมัครและชำระค่าสมัครสอบ : ช่วงเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์
    พิมพ์ใบสมัครของผู้เข้าสอบ : ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนวันสอบจริง
    วันสอบจริง : ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือ ต้นเดือนมีนาคม
    เวลาสอบ : เวลา 08:00 น. – 15:30 น.
    ประกาศผลสอบ : หนึ่งสัปดาห์หลังวันสอบ

วันนี้แอดมินนำระเบียบการรับสมัครสอบเข้าปีล่าสุดมาให้ค่ะ

Pre-Test
– รับสมัครสอบ : 20 พฤศจิกายน 2564 – 16 มกราคม 2565
– สอบ Pre-Test : 22 มกราคม 2565

Admissions
– รับสมัครสอบ : 17 มกราคม 2565 – 6 มีนาคม 2565
– สอบจริง : 12 มีนาคม 2565

 

ครบทุกวิชาที่ใช้สอบ ” SCIENCE MAHTS ENGLISH “

คุณครูเฉละอย่างละอียดทุกข้อรวมกว่า 30 ชั่วโมง พร้อมสอดแทรกเทคนิค การดูรูปแบบข้อสอบ เน้นเชิงคิดวิเคราะห์ เรียนรู้หลักการและเหตุผล นำไปประยุกต์ใช้ในการทำข้อสอบได้จริง เก็บคะแนนสอบง่ายๆอย่างน่าเหลือเชื่อ

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

สนาม สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร เป็นสนามสอบที่มีอัตราแข่งขันสูงมากๆเมื่อเทียบกับโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 174 ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันโรงเรียนมีหลักสูตรการเรียนการสอนจํานวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรปกติ และ หลักสูตรนานาชาติ (Satit Prasarnmit International Programme หรือ SPIP) ซึ่งวิชาที่ใช้สอบภาคปกติจะใช้สอบทั้งหมด 5 วิชาคือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความถนัดทางการเรียน และในปี 2561 เป็นต้นมา ข้อสอบสอบเข้าม.1 จะมีวิชาหนึ่งเข้ามาด้วยนั้นคือ วิชา “ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ทําให้วิชาที่ใช้สอบทั้งหมดจะเป็น 6 วิชา ส่วนภาคนานาชาติ (SPIP) จะใช้สอบ ทั้งหมด 3 วิชาคือ SCIENCES MATHEMATICS ENGLISH

สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

อัตราการแข่งขัน – สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

หลักสูตรปกติ

จำนวนผู้สมัครสอบ เฉลี่ยปีละประมาณ 2,000-2,500 คน
จำนวนรับทั้งหมด 
– นักเรียนทั่วไป 120 คน
– นักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหว ไม่เกิน 2 คน
– โครงการความร่วมมือทางด้านกีฬาฟุตบอล ไม่เกิน 20 คน
– นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ  ดนตรี 15 คน, นาฏศิลป์ไทย 8 คน, ลีลาศ 2 คน, กีฬาต่างๆ 15 คน
– นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ไม่เกิน 13 คน เช่น บกพร่องกทางการเรียนรู้ สติปัญญา ออทิสซึม สมาธิสั้น
อัตราส่วนการรับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1:20

หลักสูตรนานาชาติ หรือ SPIP –  Satit Prasarnmit International Program 

จำนวนผู้สมัครสอบ เฉลี่ยปีละประมาณ 200-300 คน
จำนวนรับทั้งหมด 
– Year 7 รับ 30-40 คน
– Year 8 รับ รับ 30-40 คน
จำนวนรับต่อปีไม่เท่ากัน ขึ้นกับจำนวนห้องที่เปิด และจำนวนนักเรียนเดิมที่เลื่อนชั้นขึ้นมา
อัตราส่วนการรับ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1:10


วิชาที่ใช้สอบ – สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

หลักสูตรปกติ

ข้อสอบมีทั้งหมด 6 วิชาได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความถนัดทางการเรียน และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
– คณิตศาสตร์ 25 ข้อ
– วิทยาศาสตร์ 60 ข้อ
– ภาษาอังกฤษ 60 ข้อ
– ภาษาไทย 30 ข้อ
– ความถนัดทางการเรียน 50 ข้อ
– ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 60 ข้อ

หลักสูตรนานาชาติ หรือ SPIP –  Satit Prasarnmit International Program 

ข้อสอบมีทั้งหมด 3 วิชาได้แก่ Sciences Mathematics and English
– MATHS น้องๆจะต้องสอบผ่าน > 60% เป็นข้อสอบเขียน มีทั้งข้อใหญ่และข้อย่อย 
– SCIENCES น้องๆจะต้องสอบผ่าน > 60% เป็นข้อสอบเขียน มีทั้งข้อใหญ่และข้อย่อย 
– ENGLISH น้องๆจะต้องสอบผ่าน > 70% Reading, Writing, Listenning, Speaking


วัน – เวลาสอบเข้าม.1

เพิ่มเติม น้องๆที่สอบโควต้าหรือความสามารถพิเศษ จะต้องสอบเหมือนน้องๆที่สอบเข้าแบบปกติติเลย แต่จะมีสอบปฏิบัติตามความสามารถที่น้องๆสมัครมา และมีเพิ่มเติมคือ…. น้องๆต้องเตรียม Porfolio ด้วยนั่นเอง ซึ่งคะแนน Porfolio นำไปใช้ด้วยถึง 10% ด้วยกัน เยอะมากๆเลยค่ะ 


คุณสมบัติและพื้นความรู้ของผู้สมัครสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

หลักสูตรภาคปกติ
น้องๆต้องเป็นผู้ที่กำลังศึกษาและจะสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษาปีนี้เท่านั้น

หลักสูตรนานาชาติ หรือ SPIP
Year 7 (Cambridge Lower Secondary)
– ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรไทยภาคปกติ หรือภาค EP ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
– ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอเมริกันระดับ Grade 5
– ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอังกฤษระดับ Grade 6
Year 8 (Cambridge Lower Secondary)
– ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรไทยภาคปกติ หรือภาค EP ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
– ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอเมริกันระดับ Grade 6
– ต้องจบการศึกษาจากหลักสูตรอังกฤษระดับ Grade 7

สอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

การรับสมัครสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

  • กรอกข้อมูลออนไลน์
  • พิมพ์แบบฟอร์มกรชำระเงิน และชำระเงินผ่านธนาคาร
  • พิมพ์บัตรผู้สอบหลังจากชำระเงิน
ประสานมิตร

ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบเข้าม.1 โรงเรียนสาธิตประสานมิตร

หลักสูตรภาคปกติ
น้องๆทั่วไปค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 900 บาท ส่วนน้องๆประเภทโควต้า ไม่ว่าจะเป็น น้องๆที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือเคลื่อนไหว, โครงการความร่วมมือด้านกีฬาฟุตบอล, น้องๆทั่วไปที่สมัครความสามารถพิเศษทุกประเภท ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบจะอยู่ที่ 2,000 บาทค่ะ

สามารถชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทยได้เลยค่ะ เวลาสมัครสอบทั้งสอบจริงและ Pre-Test จะเป็นการสมัครแบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ของทางโรงเรียนที่  https://www.spsm.ac.th หลักจากชำระเงินเสร็จแล้ว สามารถพิมพ์ใบสมัครสอบได้ทางเว็บไซต์ของโรงเรียนเหมือนเดิม (อย่าลืมพกไปด้วยในวันสอบนะคะ)


การสอบสัมภาษณ์ : หลักสูตรนานาชาติ หรือ SPIP

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่