ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ?

ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ?

การสอบเข้าม.1 ทั้งสาธิตปทุมวันและสาธิตประสานมิตร จะต้องรู้ก่อนว่า ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ? เพราะว่าการคิดคะแนนจะแตกต่างจากการสอบเข้าม.1 โรงเรียนรัฐบาลอื่นๆ เพราะจะใช้คะแนนทางสถิติที่เรียกว่า T-Score ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ผ่านการทดสอบ โดย T-Score จะมีข้อดีในการปรับคะแนนทุกวิชาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (เพราะแต่ละวิชา ความยาก-ง่ายไม่เท่ากัน)

ซึ่งการสอบน้องๆสามารถใช้คะแนนทางสถิติที่เรียกว่า T-Score เพื่อประเมินตนเองได้ก่อน เป็นการต่อสู้กับตัวเอง ไม่ต้องแข่งกับคนอื่นด้วยลำดับที่เลย

คะแนนมาตรฐานที่ (T-Score) หมายถึง คะแนนที่มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 50 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10 และมีการแจกแจงคะแนนเป็นรูปโค้งปกติ ซึ่งเป็นคะแนนมาตรฐานที่แปลงมาจากคะแนนมาตรฐานซีเพื่อแก้จุดอ่อนบางประการของคะแนนมาตรฐานชี คะแนนมาตรฐานที่ (T-Score)คำนวณได้จากสูตรต่อไปนี้

ค่า T score ตอนสอบคืออะไร

ตัวอย่าง

นักเรียนคะแนนสอบ(X)คะแนนมาตรฐานซี(Z)คะแนนมาตรฐานที(T)
1.กมล400.00 50+(10×0.00)=50
2.โสภา420.5050+(10×0.50)=55
3.นิรมล441.0050+(10×1.00)=60
4.ประชา482.0050+(10×2.00)=70
5.นิเวศ37-0.7550+(10×(-0.75))=42.5
6.ประจักษ์33-1.7550+(10×(-1.75))=32.5

การประเมินคะแนนมาตรฐานที(T-Score) อาจกำหนดระดับคุณภาพเป็น 5 ระดับดังนี้
ตั้งแต่ T 65 และสูงกว่า          แปลว่า      ดีมาก
ตั้งแต่ T 55 – 65                 แปลว่า      ดี
ตั้งแต่ T 45 – 55                 แปลว่า      พอใช้
เฉพาะ T 50                        แปลว่า      มีความสามารถปานกลางพอดี
ตั้งแต่ T 35 -45                  แปลว่า      ยังไม่พอใช้
ตั้งแต่ T 35 และต่ำกว่า        แปลว่า      อ่อน
จะสังเกตเห็นว่าการแบ่งระดับข้างต้นมีคะแนน T บางตัวซ้ำกันที่ตรงหัวและตรงท้ายของช่วงคะแนนเช่นที่ T 55 เป็นต้น การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตรง T 55 นั้นเป็นจุดแบ่งเขตระหว่างกลุ่ม ฉะนั้น ถ้านักเรียนคนใดได้คะแนน T ตรงจุดแบ่งเขตนั้นพอดี คือ ที่ T 35 , 45, 55 และ 65 ให้เลื่อนนักเรียนที่คาบเส้นผู้นั้นขึ้นไปอยู่ในกลุ่มสูงที่ถัดไปเสมอ เพื่อผลทางจิตวิทยาเพราะโอกาสที่นักเรียนคนเดียวกันจะได้คะแนนตรงนั้นช้ำ ๆ กันมีอยู่น้อยมาก

ค่า T-Score ตอนสอบคืออะไร ? – คุณลักษณะที่สำคัญ

 คุณลักษณะที่สำคัญของคะแนนมาตรฐานที่ (T – Score) คือ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 50 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10 มีการแจกแจงเป็นโค้งปกติ ใช้เปรียบเทียบคะแนนจากข้อมูลต่างชุดกันได้ บวก ลบ คูณหารกันได้อย่างถูกหลักวิชา เพราะการแปลงคะแนนดิบของแต่ละวิชาให้เป็นคะแนนมาตรฐานที (T – Score)นั้นจะทำให้คะแนนต่าง ๆ เป็นมาตราเดียวกัน นอกจากนี้คะแนนมาตรฐานที (T – Score)ยังสามารถนำมาหาค่าเฉลี่ยได้อย่างมีความหมาย เช่น ด.ช.ประชา สอบวิชาณิตศาสตร์ได้ T 50 สอบวิชาวิทยาศาสตร์ได้ T 55สอบวิชาภาษาไทยได้ T 40 และสอบวิชาสังคมศึกษาได้ T 33 ดังนั้นคะแนนเฉลี่ยของ T – Score ทั้ง 4 วิชาเท่ากับ

หรือเท่ากับ T 45 ซึ่งอาจประเมินได้ว่า เขามีความสามารถในการเรียนระดับปานกลางหรือพอใช้แต่ค่อนข้างต่ำ จะเห็นได้ว่าคะแนนมาตรฐานที (T – Score) สามารถแปลความหมายได้ในตัวมันเอง เช่น ผู้ที่สอบได้คะแนนมาตรฐานที (T – Score) ใกล้ ๆ กับ 50 แสดงว่ามีความสามารถปานกลางแต่ถ้าได้คะแนนมาตรฐานที่ (T – Score) ต่ำกว่า 50 แสดงว่ามีความสามารถค่อนข้างต่ำลงไป เป็นต้น ถ้าอยากให้ทราบแน่ชัดลงไปอีกว่านักเรียนคนนั้นเด่นด้อยขนาดใดให้ไปอ่านบัญชีในตารางการแปลง T – Score เป็นจำนวนร้อยละที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นหรือแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ไทล์ (PR) นั่นเอง เช่น ด.ช.ประชา ได้ T 45 ซึ่งตรงกับเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 30.85 หรือ 31% หมายความว่าในนักเรียน 100 คนจะมีนักเรียนคนอื่น ๆ ที่มีคะแนนน้อยกว่า ด.ช.ประชา อยู่ 31 คน พร้อม ๆ กับมีอีก 69 คนที่มีคะแนนมากกว่าหรือเก่งกว่าเขา


ตารางค่าคะแนน T-Score

คะแนน T% ที่เหนือผู้อื่นคะแนน T% ที่เหนือผู้อื่น คะแนน T % ที่เหนือผู้อื่น
100.0032379.686491.92
110.00483811.516593.32
120.0073913.576694.52
130.0114015.876795.54
140.0164118.416896.41
150.0234221.196997.13
160.0344324.207097.72
170.0484427.437198.21
180.0694530.857298.61
190.0974634.467398.93
200.134738.217499.18
210.194842.077599.38
220.264946.027699.53
230.355050.007799.65
240.475153.987899.74
250.625257.937999.81
260.825361.798099.865
271.075465.548199.903
281.395569.158299.931
291.795672.578399.9582
302.285775.808499.966
312.875878.818599.977
323.595981.598699.984
334.466084.138799.989
345.486186.438899.9928
356.686288.498999.9952
368.086390.329099.9968

ดังนั้น การนำคะแนนมาบวกกันตรงๆ แล้วทำการ Ranking อันดับมันจึงดูไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ T-Score จึงถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในจุดนี้ ซึ่งเมื่อคิดคะแนนเป็น T-Score แล้ว ก็สามารถเทียบในแต่ละวิชาได้ทันทีว่าวิชาไหนทำคะแนนได้ดีกว่าวิชาไหน ซึ่งการคำนวณ T-Score นั้นจะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยคือ ค่าเฉลี่ยของกลุ่มและการกระจายของคะแนน(ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร) มองในมุมค่าเฉลี่ย คือ ถ้าทำคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากๆ คะแนน T-Score ก็จะยิ่งสูงนั่นเอง

และคำถามสำคัญที่สุดคือ ต้องทำ T-Score ได้ถึงเท่าไหร่ ถึงจะสอบได้.. แนะนำถ้าน้องๆทำคะแนน T-Score ได้เกิน 70% โอกาสสอบติดจะถือว่า 100% เลยก็ว่าได้

คะแนนมาตรฐานที่ (T-Score) หมายถึง คะแนนที่มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 50 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10 และมีการแจกแจงคะแนนเป็นรูปโค้งปกติ
——————–
พูดง่ายคือ % ที่เราอยู่เหนือคู่แข่งของเรานั่นเอง
.
ถ้าใครได้ T-Score = 70 “ดีเยี่ยมที่สุด”
แปลว่า “เราได้คะแนนเยอะกว่าคนอื่น 98% “
มีคนสอบ 100 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 98 คน
มีคนสอบ 1,000 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 980 คน
.
ถ้าใครได้ T-Score = 50
แปลว่า “ได้ลำดับที่กลางๆของจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด”
.
ถ้าใครได้ T-Score = 40 “ต้องลุ้นสุดตัว”
แปลว่า “เราได้คะแนนเยอะกว่าคนอื่น 16%”
มีคนสอบ 100 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 16 คน
มีคนสอบ 1,000 คน เราได้คะแนนมากกว่าคนอื่น 160 คน
——————–

ที่ตั้งสถาบัน

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่

เปิดเสาร์-อาทิตย์
เวลา 08.00-17.00

LINE ID : @bigbrainonline
หรือ กดที่นี่